ชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ประชาชนคิดอย่างไร ต่อ การใช้ มาตรา ๔๔ ของ นายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง

ข่าวทั่วไป Tuesday August 2, 2016 11:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล ดร.นพดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชนและ ผอ.สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดผลสำรวจเรื่อง ประชาชนคิดอย่างไรต่อ การใช้มาตรา ๔๔ ของ นายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,450 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10 - 22 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.4 สนับสนุนให้ นายกรัฐมนตรีใช้ มาตรา ๔๔ ในขณะที่ ร้อยละ 29.6 ไม่สนับสนุน นอกจากนี้ ผลสำรวยังพบด้วยว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.2 ระบุเรื่องที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา ๔๔ จัดการเป็นกรณีพิเศษ ในเรื่อง ปราบปรามผู้มีอิทธิพล รองลงมาคือ ร้อยละ 49.2 ระบุใช้มาตรา ๔๔ ปฏิรูปการศึกษา และร้อยละ 48.1 ระบุใช้มาตรา ๔๔ จัดการปัญหาเด็กและเยาวชน และรองๆ ลงไปคือ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ จัดการกับกลุ่มนายทุนที่ทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ใช้ มาตรา ๔๔ ควบคุมราคาสินค้า และการปฏิรูปตำรวจ ตามลำดับ ดร.นพดล กล่าวต่อว่า เมื่อวิเคราะห์ ความคิดเห็นของประชาชนต่อ การใช้ มาตรา๔๔ โดยนายกรัฐมนตรี จำแนกตาม เพศ พบว่า ทั้งผู้ชาย และ ผู้หญิง ส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 68.0 ของผู้ชาย และร้อยละ 72.4 ของผู้หญิงสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีใช้ มาตรา ๔๔ จัดการปัญหาต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ผลการวิเคราะห์ กลุ่มประชาชนที่นิยมชอบ พรรคการเมืองต่างๆ สนับสนุน การใช้มาตรา ๔๔ ของนายกรัฐมนตรี โดยพบว่า ส่วนใหญ่ของประชาชนในทุกกลุ่มพรรคการเมือง คือ ร้อยละ 61.5 ของคนชอบพรรเพื่อไทย ร้อยละ 84.6 ของคนที่นิยมชอบพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 75.0 ของคนที่นิยมชอบพรรคการเมืองอื่นๆ สนับสนุน การใช้ มาตรา ๔๔ ของนายกรัฐมนตรีในการจัดการปัญหาต่างๆ ของประเทศ ผอ.สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุน การใช้ มาตรา ๔๔ ของนายกรัฐมนตรีในการจัดการปัญหาของประเทศ และผู้หญิงสนับสนุน การใช้มาตรา ๔๔ มากกว่าผู้ชาย และประชาชนที่สังกัดพรรคทุกพรรคการเมืองส่วนใหญ่ สนับสนุนการใช้มาตรา ๔๔ ของนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาบ้านเมืองเช่นกัน จึงอาจสรุปได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงดูว่าอะไรที่รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและความสงบสุขของบ้านเมืองคนส่วนใหญ่ก็พร้อมให้การสนับสนุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ