“โกลเบล็ก” มองหุ้นไทยรับข่าวดีเศรษฐกิจในประเทศฟื้น ให้กรอบดัชนี 1,480 – 1,520 จุด แนะลงทุนหุ้นเข้าวินโรงไฟฟ้าชีวมวล 3ชายแดนใต้ ชูTPCH-AGE

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 3, 2016 12:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงหนุนเศรษฐกิจไตรมาส 2/59 ฟื้นตัวดีกว่าไตรมาสแรก และคาดว่า กนง. คงอัตราดอกเบี้ยตามเดิมที่ 1.5% ในการระชุมวันนี้(3ส.ค.) ให้กรอบดัชนี 1,480 – 1,520 จุด แนะลงทุนหุ้นพลังงานทดแทน ชู TPCH ,AGE เด่นลุ่นประกาศรายชื่อผ่านเกณฑ์รอบแรกโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 36 เมกะวัตต์ วันที่ 5 ส.ค.นี้ ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยมีแนวรับ 1,325 - 1,320 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,370-1,375 เหรียญต่อทรอยออนซ์ น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสะท้อนปัจจัยบวกจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศในไตรมาส 2/2559 ดีกว่าไตรมาส 1/2559 ซึ่งได้แรงหนุนจากการขับเคลื่อนการใช้จ่ายภาครัฐและรายได้จากภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งกระแสคาดการณ์ว่าที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 สิงหาคม 2559 จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามเดิมที่ 1.5% สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่คาดว่าจะส่งผลเชิงลบต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ คือ การที่โกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าลงทุนในหุ้น ลงสู่ "underweight" ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากราคาหุ้นทั่วโลกเริ่มมีราคาแพงเกินไป และการขยายตัวของผลประกอบการอ่อนแอ รวมถึงการตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนกันยายน หรือธันวาคม ตามการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน และภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันราคาน้ำมันปรับตัวลงจากความกังวลในเรื่อง Oversupply จากข่าวโอเปกเพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงจำนวนแท่นขุดเจาะของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาปัจจัยที่มีผลการลงทุน เช่น ผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาใกล้ชิด รวมทั้งการประกาศงบการเงินงวดไตรมาสที่ 2/2559 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะรายงานผลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันสุดท้ายภายในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง แต่มีแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง และการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับผลของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,480 – 1,520 จุด โดยแนะนำรอซื้อเล่นรีบาวด์แบบ Selective Buy แนะนำTPCH, AGE กลุ่มพลังงานทดแทน ลุ้นการประกาศรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์รอบแรกโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 36 เมกะวัตต์ ในวันที่ 5 ส.ค. รวมถึง BEM ,CK ที่ได้อานิสงส์จากกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีมติอนุมัติให้จ้าง BEM เดินรถรอยต่อเตาปูน-บางซื่อ และหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตดีในช่วงไตรมาสที่ 2 ได้แก่ GFPT, PTG, SYNTEC, COM7, BCP, BANPU, KCE, SGP, TFG, ACAP, KOOL, FSMART, MONO และ ERW สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดโดยให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ขณะที่เฟดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับสหรัฐรายงานตัวเลขจีดีพีเบื้องต้นประจำไตรมาส 2 ขยายตัว 1.2% ต่ำกว่าคาดที่ 2.6% และได้ปรับลดการประมาณการตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกสู่ระดับ 0.8% จากประมาณการก่อนหน้าที่ 1.1% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลงมากกว่าคาดในเดือนก.ค. ขณะที่ล่าสุดสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ จากรายงานการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างปรับลดลงผิดคาดในเดือนมิ.ย. ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับลดลงต่ำกว่าคาดในเดือนก.ค. ทำให้นักลงทุนย้ายเงินมาลงทุนในทองคำเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามการที่นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กออกมาเผยว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้แม้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงไม่แน่นอนก็ตาม รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 65%ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ ได้สร้างแรงกดดันระยะสั้นต่อทองคำ ดังนั้นประเมินแนวโน้มราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นในแนวฐาน Rounding Bottom ขณะที่เส้น 5 วันตัดเส้น 10 วันขึ้นมาและเรียงตัวเป็นแนวโน้มขึ้นเป็นแรงหนุนเสริม ทำให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นต่อตามรูปแบบ Rounding Bottom ที่ซ้อนตัวอยู่ในแนวโน้มขึ้นใหญ่ โดยมีแนวรับ 1,325 - 1,320 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,370-1,375 เหรียญต่อทรอยออนซ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ