ปภ.ประสาน 21 จังหวัดภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฝ้าระวังผลกระทบจากพายุโซนร้อน “มีรีแน” ช่วงวันที่ 28 – 30 กรกฎาคม 2559

ข่าวทั่วไป Friday August 5, 2016 11:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสาน 21 จังหวัด ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมพร้อมรับมือผลกระทบจากพายุโซนร้อน "มีรีแน" ซึ่งเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณใกล้กับกรุงฮานอย อาจทำให้เกิดอุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่มจากฝนตกหนักและฝนสะสม ในช่วงวันที่ 28 - 30 กรกฎาคม 2559 โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วและเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมเผชิญเหตุตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานการอพยพและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุโซนร้อน "มีรีแน" (Mirinae) ได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณใกล้กับกรุงฮานอยประเทศเวียดนาม และจะอ่อนกำลังลง แต่ยังส่งผลกระทบทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 28 – 30 กรกฎาคม 2559 จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย 21 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 13 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร เลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ และอุดรธานี รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนักและฝนสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงได้ โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง และจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย พร้อมตรวจสอบท่อ ทางระบายน้ำในเขตเมืองมิให้มีสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ รวมถึงตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่าง และคันกั้นน้ำ สถานที่ท่องเที่ยวให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง อีกทั้งตรวจสอบสิ่งก่อสร้างและป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ตัดแต่งกิ่งไม้บริเวณริมถนนและพื้นที่ชุมชน เพื่อป้องกันการล้มทับ ก่อให้เกิดอันตรายได้ กรณีสถานการณ์รุนแรงได้เน้นย้ำให้ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพื่อประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที นายฉัตรชัย กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยของ 21 จังหวัดภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ติดตามพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด รวมถึงหมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ เช่น ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง น้ำในแม่น้ำ ลำคลอง ลำธารเปลี่ยนสีเป็นสีขุ่นข้นหรือสีเดียวกับสีดินภูเขา ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ป่าต้นน้ำมากกว่า 90 มิลลิเมตรต่อวัน เป็นต้น จะได้อพยพหนีได้ทันท่วงที ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป 0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ