เอไอเอส ปักหมุด ผู้นำดิจิทัลคอนเทนต์ ยกระดับการสนับสนุน ไอเดียคนไทย ไปอีกขั้น จุดพลุตลาด “Content Creator” เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ร่วมเป็นดิจิทัลพาร์ทเนอร์

ข่าวบันเทิง Tuesday August 16, 2016 12:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--เอไอเอส เอไอเอส ปักหมุด ผู้นำดิจิทัลคอนเทนต์ ยกระดับการสนับสนุน ไอเดียคนไทย ไปอีกขั้นจุดพลุตลาด "Content Creator" เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ร่วมเป็นดิจิทัลพาร์ทเนอร์ผ่านโครงการ สุดท้าทายแห่งปี! โชว์พลังครีเอทีฟ ชิงเงินล้านในเวทีระดับโลก! เอไอเอส ตอกย้ำผู้นำด้านเครือข่ายและบริการดิจิทัล เดินหน้าสนับสนุนพลังไอเดีย คนรุ่นใหม่และ Tech Startup อย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสใหม่ให้กับเหล่า the New Creative Digital Startup รุกเปิดตลาด Content Creator ของไทยให้เติบโตอย่างสร้างสรรค์ จัดโครงการ "The 5-Min VDO Challenge" ชวนคนรุ่นใหม่ ใครก็ได้ ส่งคลิปวิดีโอ เข้าประกวดในหัวข้อ "Connecting Live – เชื่อมโลกให้ใกล้ เชื่อมใจให้กว้าง" ค้นหาผู้ชนะ 2 ทีม คว้าเงินรางวัลรวมกว่า 5 แสนบาท พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันในเวทีระดับโลก เพื่อชิงเงินรางวัล 1.3 ล้านบาท และโอกาสก้าวสู่การเป็นดิจิทัลพาร์ทเนอร์ ร่วมทำธุรกิจกับโอเปอร์เรเตอร์ชั้นนำจากทั่วโลก เผยแพร่ผลงานให้ผู้ใช้มือถือในกลุ่มสิงเทลกว่า 600 ล้านรายใน 7 ประเทศของทวีปเอเชีย แอฟริกา และออสเตรเลียได้ชม พร้อมทั้งร่วมส่งเสริมกลุ่ม Tech Startup อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง กับโครงการ AIS The StartUp CONNECT ช่องทางเชื่อมต่อธุรกิจผ่านออนไลน์ (www.ais.co.th/thestarup/connect) เปิดกว้างให้เหล่าสตาร์ทอัพในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ และทั่วทุกมุมโลก สามารถส่งผลงานได้ทุกวัน ตลอด 24 ชม. และนัดหมายพรีเซ็นต์งานผ่าน VDO Conference ได้อย่างไร้ข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ อำนวยความสะดวกและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้สตาร์ทอัพทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น ล่าสุด เอไอเอสยังร่วมสนับสนุนงาน "Startup Thailand and Digital Thailand" ระดับภูมิภาค จัดโรดโชว์ไปให้ความรู้ และเปิดรับการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับเอไอเอส พร้อมพารุ่นพี่สตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ จากการบุกตลาดในระดับภูมิภาค ไปร่วมจุดประกาย และเปิดมุมมองทางธุรกิจ ให้กับคนรุ่นใหม่ เจ้าของธุรกิจ และสตาร์ทอัพในต่างจังหวัดทั่วประเทศอีกด้วย นายปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า "เราเชื่อว่าพลังไอเดียของคนรุ่นใหม่ สามารถสร้างคอนเทนต์และธุรกิจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ทุกวัน อย่างไร้ข้อจำกัดทั้งเรื่องเวลาและสถานที่ ด้วยโครงข่ายดิจิทัล ทั้ง Mobile และ Fixed broadband ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ตลาดผู้ใช้มือถือ และผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์และบริการ มีการเติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างก้าวกระโดด เห็นได้จากกระแสการเติบโตของธุรกิจ Tech Startup ในเมืองไทย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการยุคใหม่ ที่นำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาสร้างเป็นบริการเพื่ออำนวยความสะดวกหรือแก้ปัญหาในการใช้ชีวิตด้านต่างๆ ให้กับผู้คน ซึ่งเอไอเอสได้ให้การสนับสนุนและผลักดันบริการออกสู่ตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน เรามองเห็นพลังไอเดียของคนรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณค่า และช่วยจุดประกายสังคมให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยหนึ่งในดิจิทัลคอนเทนต์ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก คือ วีดิโอ ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ทรงพลังไร้อุปสรรคทางด้านภาษาและภูมิศาสตร์ สามารถเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากทั้งที่อยู่ห่างไกลกันได้ เราจึงได้เห็นเทรนด์ใหม่ที่ผู้บริโภคทุกคนสามารถกลายเป็นผู้ผลิต คอนเทนต์ พร้อมส่งแชร์ให้คนบนโลกออนไลน์ติดตามได้ทุกที่ทุกเวลา วันนี้ เอไอเอสจึงตั้งใจยกระดับการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ไปอีกขั้น โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ร่วมเป็น Content Creator สร้างสรรค์ดิจิทัลคอนเทนต์ที่มีคุณค่าให้กับตลาดผู้ใช้มือถือในประเทศไทยและเผยแพร่สู่ตลาดระดับภูมิภาคต่อไป จึงได้จัดโครงการ "The 5 - Min VDO Challenge" ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทในกลุ่มสิงเทล ซึ่งแบ่งการแข่งขันออกเป็นสองระดับ คือ หาผู้ชนะระดับประเทศ จำนวน 2 ทีม เป็นตัวแทนไปแข่งขันในระดับภูมิภาค ร่วมกับผู้ชนะจากโอเปอร์เรเตอร์อื่นในกลุ่มสิงเทล รวม 14 ทีม 7 ประเทศทั่วโลก ด้วยโจทย์เดียวกันในหัวข้อ "Connecting Live" โดยมีเจตนารมณ์ร่วมกันในการเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกด้วยคอนเทนต์วิดีโอที่มีคุณภาพและสร้างสรรค์" ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานคลิปวิดีโอ ในหัวข้อ "Connecting Live – เชื่อมโลกให้ใกล้ เชื่อมใจให้กว้าง" ความยาวไม่เกิน 5 นาที ไม่จำกัดรูปแบบและแนวทาง ไม่จำกัดอายุ จะเดี่ยวหรือทีมก็ได้ มาที่เว็บไซต์ www.ais.co.th/the5minvideochallenge เปิดรับผลงานตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. – 9 ก.ย. 59 ประกาศรายชื่อทีมผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรก จำนวน 25 ทีม ในวันที่ 12 ก.ย. 59 จากนั้นจะจัดเวิร์คช็อป อบรมให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไปปรับปรุงผลงาน และประกาศรายชื่อผู้ชนะ จำนวน 2 ทีม ในวันที่ 7 ต.ค. 59 เพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งขันในระดับภูมิภาค โดยประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานประกาศผลผู้ชนะระดับภูมิภาคขึ้น ในวันที่ 21 พ.ย. 2559 ที่กรุงเทพฯ นายปรัธนา กล่าวเพิ่มเติมถึงการร่วมสนับสนุนการจัดงาน "Startup Thailand & Digital Thailand" ว่า "เอไอเอสยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับภาครัฐ ในการส่งเสริมและกระจายโอกาสให้คนไทยทั่วประเทศได้เห็นถึงพลังของกลุ่มสตาร์ทอัพ ที่นำไอเดียผนวกกับเทคโนโลยี มาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากการทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพอย่างใกล้ชิดมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เรามองเห็นเทรนด์การเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพในระดับภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของการสร้างโซลูชั่นส์เพื่อแก้ปัญหาในการใช้ชีวิตให้กับคนในท้องถิ่น ตลอดจนการขยายตลาดและฐานลูกค้าไปยังต่างจังหวัด ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าลักษณะการทำงานของ Startup จากนี้ จะสามารถ Transform รูปแบบสู่การเป็น Digital Creator ที่สอดคล้องกับกระแสของ VDO Content ดังกล่าวข้างต้นอย่างแน่นอน โดยในงาน "Startup Thailand & Digital Thailand" ครั้งนี้ เอไอเอสได้ร่วมโรดโชว์ไปให้ความรู้เกี่ยวกับสตาร์ทอัพ และเปิดรับการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับเอไอเอส พร้อมนำทีมสตาร์ทอัพรุ่นพี่จากโครงการ AIS The StartUp ที่ประสบความสำเร็จและมีประสบการณ์ในการทำตลาดระดับภูมิภาค ได้แก่ Golfdigg, Infographic Thailand, Local Alike, Fixzy, ZipEvent, Fourleaf, Favstay ไปร่วมจุดประกาย และเปิดมุมมองทางธุรกิจ ให้กับนักศึกษา, คนรุ่นใหม่ เจ้าของธุรกิจ และสตาร์ทอัพในต่างจังหวัด ซึ่งจะจัดใน 3 หัวเมืองใหญ่ เชียงใหม่, ขอนแก่น และภูเก็ต ช่วงเดือน ส.ค. – ก.ย. 59 นี้" ทีมสตาร์อัพที่ร่วมออกบูธกับเอไอเอส ในงาน "Startup Thailand & Digital Thailand" ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ วันที่ 5-7 สิงหาคม 2559 ได้แก่ Golfdigg, Infographic Thailand, Local Alike ภาคอีสาน จ. ขอนแก่น วันที่ 24-26 สิงหาคม 2559 ได้แก่ Fixzy, Golfdigg, ZipEvent ภาคใต้ จ. ภูเก็ต วันที่ 16-18 กันยายน 2559 ได้แก่ Fourleaf, ZipEvent, Favstay นางสาวสุรัชนา ภควลีธร CEO บริษัท Local Alike ตัวแทนสตาร์ทอัพจากภาคเหนือ Local Alike เป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยชมุชน ผ่าน www.localalike.com ซึ่งเริ่มต้นทำไอเดียทางธุรกิจจากการที่ไปศึกษาอยู่ในภาคเหนือ และได้แรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจ ด้วยความหลงใหลในวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชนและรากเหง้าความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นที่มีมาอย่างยาวนาน จึงตั้งใจสร้างธุรกิจการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยชุมชน เพื่อชุมชน เพื่อคงอนุรักษ์ความเป็นอยู่แบบเดิมเอาไว้ ไม่ให้หมุนตามกระแสทุนนิยม และต้องการแก้ปัญหาเรื่องนายทุนทัวร์ที่เข้ามาทำลายวิถีชีวิตของชุมชน โดย Local Alike ด้วยการเข้าไปพัฒนาคนในพื้นที่ ให้ความรู้และทักษะความสามารถเกี่ยวกับการท่องเที่ยว สร้างอาชีพ และรายได้ผ่านแพ็กเกจทัวร์ที่มีการจัดการทั้งหมดโดยคนในชุมชน อาทิ ไกด์, ที่พัก, อาหาร, โปรแกรมท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม แบบดั้งเดิมอย่างแท้จริง ปัจจุบัน Local Alike ให้บริการครอบคลุม 24 ชุมชน ใน 27 จังหวัดทั่วประเทศไทย" นายรัชวุฒิ พิชยาพันธ์ CEO บริษัท Fixzy ตัวแทนสตาร์ทอัพจากภาคอีสาน Fixzy เป็นแพลตฟอร์มทั้งบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นบนมือถือ ที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับทุกคน เรื่องของการหาช่างในการซ่อมแซมสิ่งต่างๆ ครอบคลุมทุกปัญหาภายในบ้านทั้งระบบน้ำประปา ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า โครงสร้างบ้านและบริการต่างๆ เช่น กำจัดปลวก และทำความสะอาดบ้าน เป็นต้น ปัจจุบันมีช่างที่ร่วมให้บริการกว่า 2,500 คน ครอบคลุมพื้นที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล, ขอนแก่น และ สงขลา ซึ่ง fixzy เป็นตัวอย่างของทีมที่มองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคทั้งเรื่องการหา Supply ในการร่วมให้บริการ และขยายฐานลูกค้าไปยังต่างจังหวัด นอกจากนี้ ล่าสุดได้พัฒนาแอปพลิเคชั่นระบบหาช่างให้กับหมู่บ้านพิมาน ในจ. ขอนแก่น เพื่อให้ลูกบ้านสามารถเรียกช่างได้อย่างปลอดภัย และสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นการขยายฐานลูกค้าจากผู้บริโภคทั่วไป ไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรตามจังหวัดต่างๆ แสดงเห็นให้ว่าในต่างจังหวัด ยังมีโอกาสทางธุรกิจให้กลุ่มสตาร์ทอัพนำเทคโนโลยีเข้าไปให้บริการและตอบโจทย์ แก้ปัญหาการใช้ชีวิตให้กับคนต่างจังหวัดได้อีกมากมาย นายตุลยฤทธิ์ กาญจนกุล CEO บริษัท FOURLEAF FOURLEAF โฟกัสกลุ่มเป้าหมายในการทำธุรกิจไปที่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ในลักษณะของ Business-to-Business อาทิ เช่น โรงแรม และร้านอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการภายในบริษัท เพื่อยกระดับงานบริการให้มีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายยิ่งขึ้นโดย FOURLEAF เริ่มต้นทำธุรกิจที่ภาคใต้ จ. ภูเก็ต กับลูกค้ากลุ่มโรงแรม โดยเข้าไปนำเสนอโซลูชั่นที่ช่วยในการทำงานภายในองค์กรให้กับโรงแรมต่างๆ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ สามารถขยายตลาด เพิ่มจำนวนลูกค้าองค์กรมากขึ้นในเวลาไม่กี่ปี จากนั้นก็ขยายฐานลูกค้าไปยังจังหวัดอื่น จนกระทั่ง ขยายไลน์กลุ่มลูกค้า ไปยังกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารซึ่งอยู่ในจังหวัดต่างๆ มากมาย อาทิ ร้าน Track17 @The Commons – กรุงเทพ, Tree and Tide – นครปฐม, 329 Coffee and Tea – นครสวรรค์, ลาบเป็ดป๋าปรี – ขอนแก่น, ก๋วยเตี๋ยวเรือ ยายเยาว์ – อยุธยา, Blackwood Bar & Restaurant – ปราจีนบุรี, Loaf Bakery & Cafe – พัทยา, Build Factory – พังงา, บ้านเริงจิต – ภูเก็ต, เรือนไม้ – กระบี่, Coast Beach Club @ Centara Grand – เกาะสมุย, Orion Cafe – เกาะพงัน เป็นต้น และในอนาคตกำลังขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ได้แก่ กัมพูชา, ญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์ตอกย้ำให้เห็นโอกาสทางธุรกิจของสตาร์ทอัพยังสามารถเติบโตได้อีกมากมายโดยเฉพาะตลาดผู้บประกอบการในต่างจังหวัด ที่เริ่มคุ้นเคยและเปิดรับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการบริหารกิจการ นางสาวสุชาดา เตโชริรส CEO บริษัท Favstay Favstay เว็บไซต์จองห้องพักออนไลน์ ประเภทคอนโด และบ้านพักตากอากาศ เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน ให้ความเป็นส่วนตัว โดยเน้นที่หัวเมืองใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวของไทย อาทิ กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, หัวหิน และเขาใหญ่ เป็นต้น เป็นธุรกิจที่มองเห็นโอกาสในการส่งเสริม เพิ่มศักยภาพ และกระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทยได้อย่างดี กำหนดโครงการ 5 ส.ค. - 9 ก.ย. 59 เปิดรับผลงานรอบแรก 12 ก.ย. 59 ประกาศผล 25 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 17 ก.ย. 59 Workshop 18 - 27 ก.ย. 59 พัฒนาผลงาน 28 ก.ย. 59 ปิดรับผลงานรอบสอง 30 ก.ย. - 6 ต.ค. 59 กิจกรรมโหวตผลงาน Popular Vote 7 ต.ค. 59 ประกาศผลการประกวด 2 ตัวแทนประเทศไทยที่จะเข้าสู่รอบ Regional Round 21 พ.ย. 59 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานประกาศผลผู้ชนะระดับภูมิภาค รอบที่ 1 กำหนดส่งผลงาน ตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. – 9 ก.ย. 59 1. ส่งผลงานคลิปความยาวไม่เกิน 5 นาที ในหัวข้อ "Connecting Lives: เชื่อมโลกให้ไกล เชื่อมใจให้กว้าง" ไม่จำกัดรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหนังสั้น สารคดีเชิงข่าว สารคดีสั้น Viral Clip, Animation, Music Video หรืออื่นๆ พร้อมคำอธิบายรายละเอียด ผลงานไม่เกิน 1 หน้า A4 2. คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ คือ นักศึกษา หรือประชาชนทั่วไป จะสมัครเดี่ยว หรือเป็นทีมก็ได้ โดยต้องมีสมาชิกในทีมไม่เกิน 5 คน 3. ผู้เข้าประกวด 1 ทีม สามารถส่งผลงานได้ไม่จำกัดจำนวน 4. การเลือกใช้เพลงประกอบ จะต้องเป็นเพลงที่ขอลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และจะต้องแสดงเอกสารการขอลิขสิทธิ์แนบมาด้วย ทั้งนี้ จึงแนะนำให้แต่งเพลงขึ้นใหม่ให้เป็นของตนเอง จะหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นได้ 5. ภาพที่นำมาประกอบไม่ว่าจะเป็น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือ กราฟฟิคจะต้องถ่ายทำหรือจัดทำด้วยตนเอง ไม่สามารถนำภาพจากแหล่งอื่นๆ มาใช้ประกอบ เว้นแต่ได้รับการขออนุญาตจากเจ้าของภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือ กราฟฟิคนั้น ๆ เป็นลายลักษณ์อักษรและจะต้องแสดงเอกสารการขออนุญาตแก่ผู้จัดการประกวดด้วยเพื่อเป็นหลักฐาน 6. ส่งผลงานในรูปแบบไฟล์นามสกุล o ความละเอียด- ขั้นต่ำ 720 x 400 to 1920 x 1080 pixels o สกุลไฟล์ - Mpeg4, Avi, Mov o รูปแบบไฟล์เสียง – 48kHz PCM, MP3, AAC with 16-Bit/s or higher o โปสเตอร์ขนาด A1 (594 x 841mm, portrait orientation) 7. ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 จำนวน 25 ทีม จะต้องเข้ารับการเวิร์คช็อปเพื่อพัฒนาผลงานในวันที่ 17 ก.ย. 59 รอบที่ 2 1.ส่งผลงานคลิปที่พัฒนาจากผลงานในรอบแรก 2. คลิปผลงานจะต้องมีบทบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่าง (Subtitle-English) 3. แต่ละทีมจะได้รับได้รับเงินทุน ทีมละ 20,000 บาท 4. ผู้เข้าประกวดทั้ง 25 ทีม จะต้องพรีเซนต์ผลงานให้คณะกรรมการตัดสิน 5. การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด **** หมดเขตส่งผลงานรอบที่สอง วันที่ 30 กันยายน 2559 **** ขั้นตอนในการสมัครและส่งผลงาน 1.ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.ais.co.th/the5minvideochallenge 2.ส่งคลิปผลงานได้ที่ www.ais.co.th/the5minvideochallenge เกณฑ์การตัดสิน 1.หัวข้อและเนื้อหามีความสัมพันธ์กัน 2.ความคิดสร้างสรรค์และความน่าสนใจในการนำเสนอ 3.เทคนิคการถ่ายทำและการตัดต่อ คณะกรรมการ 1.ตัวแทนจากเอไอเอส 1 ท่าน 2.ตัวแทนจากนิตยสาร a day 1 ท่าน 3.ผู้ทรงคุณวุฒิในวงการ 3 ท่าน
แท็ก เอไอเอส  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ