กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--ส.ป.ก.
นายไพศาล กุวลัยรัตน์ เลขาธิการส.ป.ก. เปิดเผยว่าขณะนี้ ส.ป.ก. ได้คัดเลือกและลงนามในสัญญาว่าจ้างบริษัท เค.พี.พี. เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำด้วยระบบน้ำหยด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทเค.พี.พี.ประมูลงานได้ในราคา ๑๔๐ ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางที่ตั้งไว้ ๑๔๘ ล้านบาท โดยการประมูลครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ ๓ หลังจากที่ได้ล้มประมูลไปแล้วถึง ๒ ครั้ง โดยครั้งที่ ๓ มีบริษัทยื่นซองทั้งสิ้น ๖ ราย ผิด- เงื่อนไข ๒ ราย ใน ๔ รายที่เหลือ บริษัท เค.พี.พี. ถือว่าเสนอเงื่อนไขถูกต้องตามที่ ส.ป.ก.กำหนด จึงชนะการประมูล ซึ่งหลังจากลงนามสัญญาแล้วจะมีระยะเวลากำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ ๑๒๐ วัน
นายไพศาลกล่าวว่า สาเหตุที่ส.ป.ก.คัดเลือกบริษัทเค.พี.พี เพราะบริษัทเสนอรายการทุกอย่างตามเงื่อนไขที่ ส.ป.ก.กำหนด ซึ่งสเปกที่ใช้เป็นสเปกตามการศึกษาของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ศึกษา ไว้ กระบวนการทุกอย่างทำด้วยความโปร่งใส โดย ส.ป.ก.มีมาตรการในการพิจารณาที่รัดกุม ซึ่งนอกจากสเปกที่ได้ต้องเป็นไปตามที่อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำหนดแล้ว การติดตั้งเครื่องอุปกรณ์ในพื้นที่เป้าหมาย ๔,๘๐๐ ครัวเรือน ๒๔ จังหวัด จะต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ในระยะเวลาที่กำหนด เกษตรกรจะต้องได้ข้อดี การตรวจรับงานภายหลังการก่อสร้างเสร็จ จะต้องมีการเซ็นเอกสารทุกใบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซึ่งโครง การนี้จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนเดือนมีนาคม ปีหน้าตามที่ได้ขอขยายระยะเวลาโครงการออกไป
นายไพศาล กล่าวด้วยว่า การประมูลโครงการชลประทานน้ำหยดครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยทุกขั้นตอน จึงยืนยันว่าทุกอย่างทำด้วยความโปร่งใส สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้ได้รับผลประโยชน์จากการประมูลครั้งนี้วงเงิน ๓๐ ล้านบาทนั้น ยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน ราคาที่บริษัท เค.พี.พี. ยื่นและชนะการประมูลครั้งนี้สูงกว่าการประมูลครั้งที่ผ่านมาที่บริษัทเนต้าฟิล์ม ยื่นไว้กว่า ๔๐ ล้านบาท เนื่องจากสเปกที่เนต้าฟิล์มยื่นในครั้งนี้โดยเฉพาะเรื่องปั๊มน้ำกำหนดเพียงแค่ ๓๒ เมตรเท่านั้น ซึ่งมีราคาถูกกว่าสเปกปั๊มน้ำที่ยื่นในครั้งนี้ที่กำหนดสเปก ๓๕—๓๗ เมตร นอกจากนี้ค่าเงินบาทก็เปลี่ยนแปลงจากการประมูลครั้งแรกค่าเงินบาทอยู่ที่ ๓๗ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ขณะนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่ ๔๓ บาทต่อดอลลาร์ ดังนั้นราคาที่ประมูลได้จึงต้องสูงกว่าเดิม--จบ--
-สส-