กยท. แจงความคืบหน้าขายยางให้กับ บริษัท ซิโนเคม พร้อมเผย แนวโน้มราคายางของประเทศ

ข่าวทั่วไป Thursday October 27, 2016 16:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--การยางแห่งประเทศไทย การยางฯ ชี้แจงความคืบหน้าการซื้อขายยางกับบริษัทซิโนเคม ไม่ส่งผลกระทบต่อ กยท. พร้อมเปิดเผยแนวโน้มราคายางของประเทศไทยคาดว่าจะดีขึ้น ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องด้วยรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้จัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 – 2565และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรเป็นความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร ร่วมกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนที่แสดงเจตจำนงในการซื้อสินค้าเกษตร ได้แก่ ข้าวและยางพาราจากประเทศไทย ทั้งนี้ ยางพารา เป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย ได้มอบให้การยางแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบซื้อขายยางกับ บริษัท ซิโนเคมอินเตอร์เนชั่นแนล คอร์เปอร์เรชั่น จำกัดเป็นบริษัทผู้แทนของประเทศจีน โดยได้ทำสัญญาซื้อขายยาง จำนวน 2 แสนตัน แบ่งเป็นยางแผ่นรมควันชั้น 3 จำนวน 1.5 แสนตัน และยางแท่ง STR 20 จำนวน 5 หมื่นตัน และจะต้องส่งมอบเดือนละ 16,667 ตัน รวม 12 งวด คิดราคาซื้อขายตามราคาเฉลี่ยของตลาดซื้อขายล่วงหน้าโตเกียว (TOCOM)และตลาดซื้อขายยางล่วงหน้าสิงคโปร์ (SICOM)ซึ่งได้ส่งมอบยางล๊อตแรกไปเมื่อเดือนเมษายน 2559 จำนวน 16,667ตัน มูลค่า 26 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากนั้นบริษัท ซิโนเคม ได้ขอชะลอส่งมอบยางล๊อตที่ 2 จนถึงปัจจุบัน ผู้ว่าการ กยท. กล่าวเพิ่มเติมว่ากยท. มีความพยายามในการเร่งรัดให้ซิโนเคมปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งหลังจากมีการเจรจาทางซิโนเคมแจ้งว่าจะชะลอการส่งมอบยางในงวดที่ 2 แต่ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าวยังคงอยู่ในช่วงเวลาตามที่ระบุในสัญญา โดยขอฟังผลการเจรจาในเรื่องการสร้างทางรถไฟ ซึ่งตัวแทนจีนยืนยันว่ามีความเกี่ยวพันกันระหว่างสองสัญญานี้ อย่างไรก็ตาม กยท.ได้ขอความชัดเจนในเรื่องของเวลาและขอให้มีการดำเนินการจ่ายเงินในส่วนของคำสั่งซื้อเดิมให้เรียบร้อย ทั้งนี้ปัญหาการชะลอส่งมอบยางให้กับทางซิโนเคมไม่ส่งผลกระทบต่อ กยท. แต่อย่างใด เพราะปัจจุบันมีผู้ซื้อจากหลายบริษัทให้ความสนใจและแสดงความจำนงในการขอซื้อยางเนื่องจากเห็นว่า กยท.มีบทบาทในการเป็นตัวกลางรวบรวมยางจากเกษตรกรและปรับคุณภาพยางให้ได้มาตรฐาน และขณะนี้กำลังเตรียมที่จะตกลงเรื่องเงื่อนไขราคา ซึ่งซิโนเคมก็เป็นผู้ซื้อรายหนึ่งเช่นกัน และทุกวันนี้สัญญายังคงเดินหน้าซื้อขายยางตามสัญญาต่อไป และที่สำคัญ การขายยางของ กยท.จะเน้นการค้าขายยางโดยมองหาตลาดใหม่ๆพร้อมทั้งส่งเสริมเครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาคเอกชน กลุ่มหรือสถาบันเกษตรกรในการร่วมกันพัฒนาสินค้าและตลาดยาง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบกิจการยางทุกฝ่าย "ส่วนปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความต้องการยางพาราโลกขึ้นอยู่กับแนวโน้มและภาพรวมเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบ การพัฒนาในภาคส่วนอุตสาหกรรมยางสังเคราะห์ และการเปลี่ยนแปลงของส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ยางจากการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยการเติบโตของปริมาณความต้องการยางพาราโลก ซึ่งค่าเฉลี่ยการเติบโตของปริมาณความต้องการยางพาราต่อปีประมาณร้อยละ 3.3 ดังนั้น ค่าเฉลี่ยการเติบโตของปริมาณความต้องการใช้ยางต่อปีอาจจะอยู่ในช่วง ร้อยละ 2 - 4 ต่อปี นอกจากนี้ ราคายางในตลาดล่วงหน้าซึ่งเป็นตลาดที่ทราบปริมาณความต้องการของผู้ซื้อและปริมาณยางที่ต้องเก็บไว้เพื่อส่งมอบจึงสามารถกำหนดราคาได้ แต่เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับราคาซื้อขายยางปัจจุบันในประเทศไทยแล้ว พบว่าราคาสินค้าและค่าขนส่ง รวมถึงค่าภาษีทั้งในประเทศและภาษีนำเข้าในต่างประเทศที่จะเกิดขึ้นจริงแล้ว จะเห็นได้ว่าราคาซื้อขายยางในประเทศไทยมีแนวโน้มจะสูงกว่าราคาในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่เป็นอยู่ เพราะยางที่มีการซื้อขายปัจจุบันในประเทศถือว่ามีคุณภาพสูงกว่ายางที่ถูกเก็บไว้สำหรับซื้อขายในอนาคต " ดร.ธีธัช กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ