กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--กรมการจัดหางาน นายวันชัย ผดุงศุภไลย อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับแจ้งจากฝ่ายแรงงานและสวัสดิการสังคม ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ กรณีคนงานที่เคยเดินทางไปทำงานในประเทศอิสราเอลเกิน 1 ปี คือ ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2542 และทำงานอยู่กับ นายจ้างในช่วง 1 มกราคม — 30 ธันวาคม 2543 สามารถยื่นคำร้องได้ที่ สำนักงานแรงงานและสวัสดิการสังคมจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้เอกสารและหลักฐาน ดังนี้ 1.) สำเนาหนังสือเดินทาง 2.) สำเนาวีซ่าที่ได้รับจากกระทรวงแรงงานอิสราเอล 3.) ใบอนุญาตทำงานที่ได้รับจากกระทรวง-มหาดไทยอิสราเอล 4.) สำเนาใบ I.D. Card ที่ออกโดยบริษัทจัดหางานอิสราเอล 5.) หลักฐานที่แสดงวันที่เดินทางออกจากประเทศไทยและเข้าไปทำงานในประเทศอิสราเอล 6.) เลขที่บัญชีธนาคาร 7.) หลักฐานแสดงการจ่ายภาษีเงินได้ และหรือใบเงินเดือนแต่ละเดือน หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจเอกสารและจัดส่งให้กับฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูตณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อดำเนินการประสานกับทางการอิสราเอลในการขอเงินคืนให้กับคนงาน ซึ่งหากขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์แล้วจะได้แจ้งให้คนงานที่มีสิทธิ์ ได้รับเงินคืนมาติดต่อขอรับเงินต่อไป ความเป็นมาของการแจ้งคืนภาษีนั้น เนื่องมาจากทางการอิสราเอลได้ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการยกเลิกการลดหย่อนภาษีเงินได้ของคนต่างชาติที่ทำงานในอิสราเอลเกิน 1 ปี ออกไปจากวันที่ 1 มกราคม 2543 เป็นวันที่ 1 มกราคม 2545 ทำให้คนงานที่ถูกหักภาษีในปีที่ 2 ของการทำงานในอิสราเอล มีสิทธิ์เรียกขอรับเงินภาษีที่หักไว้คืนได้ ทั้งนี้สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานแรงงานและสวัสดิการสังคมจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ หรือกองประสานราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม โทร. 232-1242, 247-3951--จบ---สส-