กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--อินวิส
• ช่องทีวีจากประเทศไทยที่เข้าร่วมล่าสุด ไทยทีวีสีช่อง 3, MONO, GMM, WORKPOINT รวมทั้งช่องต่างประเทศ DISCOVERY, NBCUNIVERSAL ต่างก็เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบ AsiaMX
• ปัจจุบัน AsiaMX ให้บริการเข้าถึงเครือข่ายโฆษณาทางโทรทัศน์ระดับพรีเมี่ยมคิดเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
• ประกาศแต่งตั้งพันธมิตรประจำประเทศไทย
เอเชีย มีเดีย เอ็กซ์เชนจ์ (AsiaMX) มีความภูมิใจที่จะแถลงข่าวในวันนี้ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่จะเปิดใช้งานระบบซื้อขายแลกเปลี่ยนโฆษณาโทรทัศน์ (Programmatic TV) ผ่านดีลครั้งสำคัญที่เพิ่งลงนามกับ เดนท์สุ อีจีส เน็ตเวิร์ค (DAN)
"ประเทศไทยเป็นตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และพร้อมต้อนรับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เสมอ ธุรกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ได้เติบโตอย่างเฟื่องฟูนับตั้งแต่การเปิดใช้งานระบบดิจิตอลทีวี (DTT) ดั้งนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการแนะนำระบบ Programmatic TV ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนผ่านและเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจมีเดีย" กล่าวโดยนิค ชัวห์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารงานพาณิชย์ AsiaMX
ภายใต้ข้อตกลงครั้งสำคัญนี้ ลูกค้าของ เดนท์สุ อีจิส เน็ตเวิร์ค ทั่วโลกจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงโฆษณาระดับพรีเมี่ยมที่มีมูลค่าสูงก่อนใคร ผ่านแพลทฟอร์มแบบอัตโนมัติ ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในโลกที่เริ่มต้นการเป็นพันธมิตรผ่านดีลซึ่งได้รับการลงนามโดยแอมพลิฟาย (Amplifi) บริษัทในกลุ่มเดนท์สุ อีจิส เน็ตเวิร์ค ที่เน้นการลงทุนทางด้านมีเดีย และหน่วยบริการทางด้าน programmatic แอมเน็ท (Amnet)
"เรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ AsiaMX ในการเปิดตัวโปรแกรมระบบซื้อขายแลกเปลี่ยนโฆษณาโทรทัศน์ (Programmatic TV) ครั้งแรกในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในกลุ่มบริษัทฯ เราที่ต้องการจะเปลี่ยนผ่านธุรกิจเข้าสู่ระบบดิจิทัล 100% เราต้องการนำความเป็นดิจิทัลเข้าไปยังสื่อทุกรูปแบบและทั่วทั้งองค์กร ด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับ AsiaMX ทำให้เราได้รับโอกาสในการเข้าถึงเนื้อหาทีวีระดับพรีเมี่ยมผ่านระบบ Programmatic TV และช่วยให้การวางแผนและซื้อสื่อโฆษณาทีวีเป็นไปแบบอัตโนมัติ ซึ่งระบบยังมีความสามารถในการจัดกลุ่มโดยอิงจากข้อมูลกลุ่มผู้ชมเป้าหมายได้อีกด้วย" กล่าวโดย สุนิล ยาดาฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอมพลิฟาย เอเชียแปซิฟิค
เพื่อเป็นการต่อยอดความเป็นผู้นำตลาด และเผยแผ่ข้อดีและประโยชน์ของการประยุกต์ใช้งานระบบ Programmatic TV ในวงกว้าง AsiaMX ขอประกาศแต่งตั้งคุณคณีอาจ แดนดำรงสุข (หรือที่รู้จักกันในฐานะศิลปิน อาท วงเวเคชั่นแบนด์) เป็นพันธมิตรประจำประเทศไทย อาทมีความรู้ความเข้าใจในแวดวงธุรกิจนี้อย่างลึกซึ้งและมีเครือข่ายที่กว้างขวาง บวกกับความรู้ทางการตลาดเชิงลึก คุณสมบัติดังกล่าวจึงเหมาะสมและลงตัวกับตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายในฐานะพันธมิตรของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนในการให้ความรู้เกี่ยวกับ Programmatic TV และรุกตลาดในประเทศไทย นอกจากนี้ AsiaMX ยังได้แต่งตั้งคุณพิมพ์ โกยกิจเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย เพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อลูกค้าและสร้างการเติบโตให้กับตลาดในประเทศไทย
AsiaMX นำเสนอพื้นที่โฆษณาระดับพรีเมี่ยมจากเพย์ทีวีชั้นนำ และเครือข่ายโทรทัศน์แบบฟรีทีวีผ่านทางแพลตฟอร์มอัลกอริธึมเทรดดิ้ง บางส่วนของช่องทีวีไทยที่มีชื่อเสียงได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบ อาทิ บีอีซี เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ช่อง 3, โมโนบรอดคาสท์ ช่อง Mono29 และ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ช่อง ONE 31 HD โดยก่อนหน้านี้กลุ่มแรกที่เข้าร่วมได้แก่ บีอีซี เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์; เนชั่นแนล บรอดคาสติง; โอทีวี คอร์ปอเรชั่น; เด็กดี อินเทอร์แอคทีฟ และ เอเชีย แซทเทลไลท์ ทีวี (เอเอสทีวี) นอกจากนี้ยังมีช่องทีวีจากต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายช่อง อาทิ DISCOVERY, NBCUNIVERSAL ที่เพิ่งเซ็นต์สัญญาเพื่อนำเสนอโปรแกรมโฆษณาระดับพรีเมี่ยมที่มีมูลค่าสูงให้เลือกบนระบบซื้อขายแลกเปลี่ยนโฆษณาโทรทัศน์ชั้นนำ เอื้อประโยชน์ให้นักโฆษณาสามารถเข้าถึงเครือข่ายโฆษณาโทรทัศน์ที่มีมูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านระบบ AsiaMX
ทีวียังคงเป็นสื่อที่มีผู้รับชมมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีการคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ชมจะเพิ่มมากขึ้นในปี 2017* งบโฆษณาทางทีวียังคงไต่ระดับสูงขึ้นและคาดว่าจะมีมูลค่าแตะระดับ 64.4 พันล้าน ดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2017 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 1.5% จากมูลค่าที่เคยคาดการณ์ไว้สำหรับปีนี้ ** นอกจากนี้จากผลรายงานเกี่ยวกับการใช้งบโฆษณาฉบับล่าสุดซึ่งจัดทำโดยบริษัท คาราท (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือ เดนท์สุ อีจิส เน็ตเวิร์ค เดือนกันยายนที่ผ่านมา ระบุว่าทีวียังคงเป็นสื่อที่แข็งแกร่งในประเทศไทย โดยคิดเป็นสัดส่วน 63.1% ของงบโฆษณารวมทั้งหมด แนวโน้มนี้เกิดขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 46.4% เมื่อเทียบกับทั่วโลกที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 41.1%