กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ปอร์เช่ ประเทศไทย
ถือเป็นความสำเร็จที่งดงามของ Porsche Media Driving Academy (MDA) ผลงานของ Porsche Asia Pacific ร่วมกับ Sime Darby Auto Performance บริษัทผู้นำเข้ารถยนต์ปอร์เช่ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นและศักยภาพของ 2 พันธมิตรทางธุรกิจ อันเหนียวแน่น กิจกรรม MDA ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ สนามแข่งรถยนต์ Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นสนามแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน รายการ Malaysian Formula 1 Grand Prix
กิจกรรม MDA ดังกล่าว คือโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการร่วมสัมผัสสุดยอดประสบการณ์แห่งสมรรถนะเหนือระดับของยนตกรรมปอร์เช่ จากหลักสูตรการขับขี่ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อเสริมสร้างทักษะในการควบคุมรถยนต์ให้แก่บรรดาสื่อมวลชนผู้เข้าร่วมกิจกรรม ด้วยการเน้นให้เข้าถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ได้รับการถ่ายทอดจากการแข่งขันกีฬาความเร็วมายังรถยนต์ในสายการผลิตปกติ สื่อมวลชนที่เข้าร่วมหลักสูตรทุกท่านจะได้รับประสบการณ์จากการขับขี่ยนตกรรมปอร์เช่หลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ตที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมหรือแม้แต่รถแข่งสมรรถนะสูงจากปอร์เช่ ประกอบด้วย ปอร์เช่ 911, 718 บ็อกส์เตอร์ เอส (718 Boxster S), คาเยนน์ (Cayenne) และ มาคันน์ (Macan) ยกขบวนความแรงมาให้คณะสื่อมวลชนทุกท่านได้สัมผัสอย่าง ใกล้ชิดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ผ่านกิจกรรม MDA ในครั้งนี้ นอกจากนี้ปอร์เช่ยังได้นำยนตกรรมสปอร์ตซาลูนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง พานาเมร่า (Panamera) มาจัดแสดงในงานภายหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไม่นาน
คณะสื่อมวลชนจากหลายประเทศในภูมิภาคได้รับสิทธิ์ในการเลือกเข้าร่วม 1 หลักสูตร จากทั้งหมด 3 หลักสูตรของกิจกรรม MDA ทั้งนี้ประกอบด้วยหลักสูตร Individual, Professional และ Elite โดยในทุกหลักสูตรจะได้รับการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมงานครูฝึกผู้เชี่ยวชาญของปอร์เช่ รับหน้าที่ในการให้ คำแนะนำและถ่ายทอดเทคนิคการขับขี่ระดับมืออาชีพให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน มอบความพิเศษยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยการปรากฏตัวของนักแข่งรถยนต์ชั้นแนวหน้าของโลก Earl Bamber ในฐานะของครูฝึกให้แก่ผู้เข้าร่วมในหลักสูตรระดับ Professional และ Elite โดยตรง พร้อมแบ่งปันประสบการณ์จากการลงแข่งขันในสนามความเร็วระดับนานาชาติของเขา รวมทั้งความตื่นเต้นเร้าใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในการเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมแข่งสุดยอดการแข่งขันรถยนต์รายการ Le Mans
นอกจากกิจกรรมต่างๆ ในสนาม คณะสื่อมวลชนยังได้รับโอกาสอันดีสำหรับการเข้าร่วมอบรมภาคทฤษฎีและการทำ workshops ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษนอกจากนักแข่งรถในระดับสูงสุดเท่านั้นที่จะได้รับเกียรติสัมผัสในสิ่งต่างๆ เหล่านี้ สุดท้ายหลังจากจบหลักสูตรการอบรมเป็นที่เรียบร้อย ผู้เข้าร่วมทุกท่านจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านหลักสูตร MDA อย่างเป็นทางการจากปอร์เช่อีกด้วย
"สนามแข่งรถยนต์ Sepang International Circuit เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความปลอดภัยและได้รับการควบคุมสภาวะแวดล้อมทุกจุดสำหรับรองรับบรรดา ผู้เข้าร่วมหลักสูตรการขับขี่ในรูปแบบที่แตกต่างจากการใช้งานรถยนต์ในชีวิตประจำวันอย่างสุดขั้ว เสริมทักษะการบังคับควบคุมของผู้เข้าร่วมให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกระดับ ยิ่งไปกว่านั้น Media Driving Academy คือกิจกรรมที่สำคัญในการถ่ายทอดประสบการณ์อันยอดเยี่ยมของยนตกรรมสปอร์ตปอร์เช่จากโชว์รูมไปยัง พื้นถนน รับรู้ได้ถึงสมรรถนะและประสิทธิภาพของนวัตกรรมเทคโนโลยีที่อยู่ในรถยนต์ของเราอย่างเต็มที่" Martin Limpert กรรมการผู้จัดการ Porsche Asia Pacific กล่าว
บุคคลทั่วไปที่สนใจสัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์สุดยอดดังกล่าวจากยนตกรรมปอร์เช่ สามารถลงชื่อเพื่อเข้าร่วมโปรแกรมการขับขี่รถยนต์ สมรรถนะสูง Porsche Sport Driving School ซึ่งจัดขึ้นในสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก กรุณาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:https://drivingexperience.porsche.com/en/sport-driving-school
หลักสูตรสำหรับ Porsche Media Driving Academy 2016
Individual
หลักสูตร Individual มุ่งเน้นไปที่หลักการพื้นฐานเบื้องต้น สำหรับการบังคับควบคุมรถ รวมไปถึงสถานีหลบหลีกสิ่งกีดขวางอย่างสลาลอม การเบรก การเข้าไลน์และการเปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัย รับหน้าที่ฝึกสอนโดยทีมงานครูฝึกที่ผ่านการรับรองจากปอร์เช่ ทั้งนี้เนื้อหาหลักจะกล่าวถึงกฎทางกายภาพพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่และการบังคับควบคุมรถยนต์ รวมทั้งเรียนรู้ระบบช่วยเหลือด้วยอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ของปอร์เช่ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขับขี่ทั้งในสนามแข่งและบนถนนสาธารณะ
Professional
หลักสูตรนี้ได้รวบรวมเอาเนื้อหาการฝึกอบรมที่เข้มข้นขึ้นในด้านของการแก้ไขอาการต่างๆ อย่างถูกต้องเมื่อเข้าโค้ง ฝึกหัดวิธีการเข้าโค้งที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ฝึกหัดวิธีการใช้เบรกและการเปลี่ยนเลนที่ให้ประสิทธิภาพ และสำหรับผู้เข้าร่วมการอบรมในหลักสูตรนี้เป็นครั้งแรก จะได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ในโลกของกีฬาความเร็วด้วยคำแนะนำจากครูฝึกด้าน fitness มืออาชีพ ผู้รับหน้าที่ในการเตรียมความสมบูรณ์ทางร่างกายให้แก่นักแข่งรถยนต์ระดับโลกหลายท่าน
Elite
หลักสูตรสำหรับสื่อมวลชนที่มีทักษะการขับขี่ในระดับสูง โปรแกรมการฝึกสอนได้รับการออกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนอง ความต้องการของผู้เข้าร่วมการอบรม แต่ละท่านอย่างอิสระ สามารถใช้สมรรถนะของยนตกรรมปอร์เช่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบตัวต่อตัวระหว่างครูฝึกและผู้เข้าร่วมการอบรม เปิดประสบการณ์ใหม่ในการบังคับควบคุมรถยนต์ปอร์เช่อย่างลึกซึ้งทุกระบบ ตลอดจนสามารถนำเทคนิคระดับสูงต่างๆ ไปใช้ในสถานการณ์จริง เช่น trail braking หรือ throttle steering
มุมมองที่น่าสนใจจาก Earl Bamber แชมเปี้ยนรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง ฤดูกาล 2015
Earl คุณเกิดและเติบโตที่ประเทศนิวซีแลนด์ ตอนนี้คุณมาอาศัยอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย อะไรเป็นสิ่งที่นำพาคุณมาที่นี่?
ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ภูมิภาคแถบนี้เต็มไปด้วยโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับการแข่งขันกีฬาความเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศมาเลเซีย ซึ่งแน่นอนว่าสนาม Sepang ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางด้านมอเตอร์สปอร์ตแห่งหนึ่งของทวีปเอเชียไปแล้ว สนาม Sepang แห่งนี้ มีสิ่งอำนวย ความสะดวกที่ยอดเยี่ยม ผมสามารถพูดได้เลยว่าที่นี่เปรียบเสมือนบ้านอีกหลังหนึ่งของผม พวกเรามีความภูมิใจที่ได้ใช้สนามแห่งนี้ พื้นผิวสนามเพิ่งได้รับ การปรับปรุงใหม่และมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางโค้งในบางจุด นั่นทำให้สนามมีความน่าสนใจและดูดีขึ้นไปอีก มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสำหรับการที่ผู้คน มากมายได้ขับขี่รถในสนามแห่งนี้และได้เริ่มเรียนรู้บรรยากาศของวงการมอเตอร์สปอร์ตเป็นครั้งแรกที่นี่ รวมทั้งมีโอกาสได้สัมผัสกับสมรรถนะและประสิทธิภาพของรถสปอร์ตอย่างแท้จริง
อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกชื่นชอบการขับรถปอร์เช่ในสนามแข่ง รวมทั้งบนท้องถนนทั่วไป และคุณชอบรถยนต์ปอร์เช่รุ่นไหนมากที่สุด?
โดยส่วนตัวนั้น ผมมีความหลงใหลในรถยนต์และมีความสุขที่ได้กระโดดขึ้นไปอยู่หลังพวงมาลัยและขับมันไปไหนมาไหนเสมอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ คือรถยนต์ที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกันทั้งการขับบนถนนทั่วไปและการขับในสนามแข่ง มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเอามากๆ ปอร์เช่คือรถยนต์ที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น ได้ตลอดเวลา ถึงแม้จะเป็นรุ่นที่ผลิตขึ้นสำหรับการใช้งานบนเส้นทางสาธารณะทั่วไปก็ตาม ทุกครั้งที่คุณได้ขับรถยนต์ปอร์เช่ใบหน้าของคุณจะเต็มไปด้วย รอยยิ้ม ปอร์เช่รุ่นที่ผมชอบที่สุดคือ 911 จีที3 อาร์เอส (911 GT3 RS) และผมโชคดีมากที่ได้ทดลองขับรถคันนี้ มันเป็นรถที่สุดยอดจริงๆ
ทรรศนะจาก Martin Limpert กรรมการผู้จัดการ Porsche Asia Pacific
ด้วยอัตราการเติบโตของกลุ่มลูกค้าในทวีปเอเชีย มุมมองสำหรับการพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคนี้จะเป็นอย่างไร? สาธารณูปโภคที่รองรับเทคโนโลยีดังกล่าวอาจจะยังไม่เพียงพอในขณะนี้ คุณมีความคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้?
ผมคิดว่ายานยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังจะได้รับความนิยมอย่างแน่นอน คำถามคือเมื่อไหร่? ยานพาหนะในรูปแบบนี้จะเริ่มแพร่หลายอย่างรวดเร็วจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง แม้ว่าระบบสาธารณูปโภคหรือความพร้อมด้านอื่นๆ จะยัง ไม่รองรับก็ตาม แต่เรายังคงมั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า ระบบขับเคลื่อนแบบ Hybridization คือสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นแล้วว่า หากเรามองเลยไปยังช่วงท้ายของทศวรรษนี้ เราจะพบกับการมาถึงของ Mission E ยนตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบคันแรกของปอร์เช่ ณ ขณะนั้น รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าจะไม่เป็นเพียงความเป็นไปได้ แต่มันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาทันที
เราได้สัมผัสกับการเปิดตัวปอร์เช่ 718 บ็อกส์เตอร์ (718 Boxster), 718 เคย์แมน (718 Cayman) และ พานาเมร่า (Panamera) ในหลายสถานที่ทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้คุณมีเป้าหมายที่รถยนต์รุ่นใดต่อไป?
แน่นอนครับ ปอร์เช่ 718 บ็อกส์เตอร์ (718 Boxster) และ 718 เคย์แมน (718 Cayman) ได้รับการเปิดตัวไปในช่วงต้นปีนี้พร้อมกับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นถึงแนวคิดในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมบนสนามแข่งมายังท้องถนนทั่วไปด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จอันล้ำยุคจากปอร์เช่ 919 ไฮบริด (919 Hybrid) รถแข่งเจ้าของตำแหน่ง แชมเปี้ยนรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง จากนั้นจึงเป็นการแนะนำตัวพานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชั่น ที่ 2 ผ่านแคมเปญ "กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง Courage Change Everything" รถยนต์คันนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นยนตกรรมสปอร์ตซาลูนสุดหรูที่เร็วที่สุด ด้วยการวิ่งรอบสนาม Nürburgring ภายในระยะเวลาเพียง 7 นาที 38 วินาที เท่านั้น คุณสามารถจินตนาการถึงความตื่นเต้นเร้าใจที่ได้รับจากรถยนต์ แกรนทัวริ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตอบสนองการเดินทางของทุกคนในครอบครัว เปี่ยมไปด้วยความหรูหรา พร้อมสมรรถนะการขับขี่สไตล์สปอร์ต ทั้งหมดนี้ รวมอยู่ในรถยนต์คันเดียว หลังจากนี้ไม่นาน ปอร์เช่จะทำการเปิดตัว คาเยนน์ แพลตินั่ม อิดิชั่น (Cayenne Platinum Edition) ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานสุดพิเศษมากมายสำหรับลูกค้า อาทิ เบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มด้วยวัสดุ Alcantara ล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว ลาย RS Spyder ชุดตกแต่งตัวถังภายนอกสีดำ high-gloss และกระจก privacy glass ระบบเครื่องเสียงเซอร์ราวด์จาก BOSE และระบบติดต่อสื่อสารเจเนอเรชั่นล่าสุด Porsche Communication Management นี่คือ ยานยนต์สุดพิเศษที่มาพร้อมภาพลักษณ์แห่งความสปอร์ตเต็มรูปแบบ
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่านด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัท ที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า AAS The Name you can Trust ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี