โบรกฯเชียร์ซื้อ NDR ให้ราคาพื้นฐาน 5.15 บาท ชี้เป็นหุ้น Small-Cap ที่มี 4 จุดแข็ง คาดกำไรปี 2560-2561 โตเฉลี่ยปีละ 11.1%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 1, 2017 11:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--IR network กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ NDR ให้ราคาเป้าหมายที่ 5.15 บาท ชี้เป็นหุ้น Small-Cap ที่มี 4 จุดแข็ง ได้แก่ ความเชี่ยวชาญ, ช่องทางจัดจำหน่าย, ที่ตั้งโรงงาน และการรองรับคำสั่งซื้อ คาดปี 2560-2561 กำไรโตเฉลี่ยปีละ 11.1% บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NDR) ด้วยเหตุผล 1. เป็นหุ้น Small-Cap ที่มี 4 จุดแข็ง ได้แก่ ความเชี่ยวชาญ,ช่องทางจัดจำหน่าย, ที่ตั้งโรงงาน และการรองรับคำสั่งซื้อได้ทันที ซึ่งจะช่วยรักษาลูกค้าเดิมและเพิ่มโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาดในอนาคต 2. ปี 2560-2561 คาดกำไรโตเฉลี่ยปี ละ 11.1% ตามความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยางรถจักรยานยนต์, กลยุทธ์ Fighting Brand, Focus ลูกค้า OEM ที่อินเดียและการเจาะตลาดใหม่และ 3. ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยช่วงไตรมาส 3/2559 มี D/E ratio 0.73x และ Interest Bearing Debt to Equity 0.41x (น้อยกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 0.97x และ 0.62x) อีกทั้งยังมี Upside 25.0% แม้ช่วงไตรมาส 4/2559 คาด NDR มียอดขายโตเพียง 2.4%YoY หลังการเริ่มปรับขึ้นของราคายางหนุนให้ลูกค้าเร่งสั่งออเดอร์กักตุนสินค้า แต่ด้วยนโยบายสต็อกวัตถุดิบล่วงหน้าเพื่อผลิตราว 3 เดือน จึงทำให้ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นยังไม่กดดันมาร์จิ้นในช่วงดังกล่าว บวกกับ NDR เริ่มขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงอย่าง AirLock ตั้งแต่เม.ย.2559 จึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 18.0% สูงกว่าช่วงไตรมาส 4/2558 ที่ 14.5% และทำให้ช่วงไตรมาส 4/2559 คาดมีกำไรสุทธิ 15.2 ล้านบาท โตเด่น 62.8% และมี Net Margin เพิ่มเป็น 7.2% จากช่วงไตรมาส 4/2558 ที่ 4.5% หนุนทั้งปี 2559 คาด NDR มีกำไรสุทธิ 56.0 ล้านบาท เติบโต 63.8%จากปีก่อน โดยในปี 2560-2561 คาด NDR มีกำไรสุทธิโตเฉลี่ยปีละ 11.1% ด้วยแรงหนุนจาก 1. อุตสาหกรรมยางรถจักรยานยนต์ที่ยังโตสดใส 2. แผนแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด REM จากคู่แข่งด้วยกลยุทธ์ Fighting Brand 3.แนวโน้มสดใสของลูกค้า OEM ที่อินเดีย และ 4. การเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่น อังกฤษและกลุ่มตะวันออกกลาง ส่วนแผนลงทุนธุรกิจยางรถยนต์และรถบรรทุกซึ่งคาดใช้เงินปี ละ 150-350 ล้านบาท คาดแหล่งเงินทุนจะมาจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ NDR-W1 (หากใช้สิทธิ์ครบจำนวนจะระดมเงินได้ 322.5 ล้านบาท), CFO ที่ทำได้ปีละ 95 ล้านบาท และศักยภาพกู้ยืมที่ยังมีสูง หลังสิ้นปี 2561 คาดมี D/E ratioที่ 0.32x และ Interest Bearing Debt to Equity 0.15x ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเพิ่มทุนอีกแต่อย่างใด เพื่อสะท้อนศักยภาพทำกำไรที่ดีในระยะยาว บวกกับ ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 25.0% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2560 ที่ 5.15 บาท อิงPER 22.5x (ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมใน MAI และ Diluted EPS ปี 2560 ที่ 0.23 บาท ภายใต้สมมติฐานมีการใช้สิทธิแปลง NDR-W1 ปี ละ 53.75 ล้านหุ้น) อีกทั้งคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2559 ที่ 0.10 บาท คิดเป็น Div. Yield 2.53% จึงแนะนำ "ซื้อ"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ