กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--ททท.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมภาคเอกชน ร่วมจัดช่วงลดราคาสินค้าทั้งในกรุงเทพและเมืองหลักทางการท่องเที่ยวในทุกภูมิภาคเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นสวรรค์ในการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวที่สามารถซื้อสินค้าคุณภาพในราคาที่คุ้มค่าตามแคมเปญอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ เซล ประจำปี 2544 และเป็นครั้งสำคัญที่มุ่งเน้นการบริการเสริมความประทับใจ โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมการส่งออก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
มหกรรมการลดราคาสินค้า หรือ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ เซล แกรนด์ เซอร์วิส จะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคม 2544 เป็นเวลา 2 เดือนเต็ม ซึ่งเป็นช่วงเวลานอกฤดูกาลท่องเที่ยว (low season) จึงเป็นการช่วยสร้างแรงจูงใจเพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ซื้อสินค้าในราคาพิเศษที่มีส่วนลดตั้งแต่ 10 -80% อันจะทำให้มีรายได้ในรูปเงินตราต่างประเทศหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ได้มีการจัดจำหน่ายสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยคุณภาพส่งออก กำหนดจัดในเวลาเดียวกัน คือ สัปดาห์เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย (1 - 10 มิ.ย. 44) สัปดาห์สินค้าหัตถกรรมไทย / สัปดาห์เครื่องหนัง (8 - 17 มิ.ย. 44) สัปดาห์ไหมไทย (15 - 24 มิ.ย. 44) สัปดาห์เครื่องใช้ไฟฟ้า (22 มิ.ย. - 1 ก.ค. 44) สัปดาห์สินค้าแบรนด์ เนม (13 - 22 ก.ค. 44) และสัปดาห์สินค้ากีฬา (20 -29 ก.ค. 44) โดยในส่วนห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดยังได้จัดให้มีกิจกรรมพิเศษเพื่อสร้างสีสันในช่วงดังกล่าวอีกมากมาย เช่น สัปดาห์อาหารและผลไม้ ที่บิ๊กซีซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกสาขา ลดกระหน่ำ ช็อค เซล ที่เอ็มโพเรียม และเดอะมอลล์ทุกสาขา เซอร์ไพรัส เซล ที่โรบินสันทุกสาขา เซ็นทรัล ไพรเวท เซล และเซ็นทรัล ไมท์ตี้ เซล ที่เซ็นทรัลทุกสาขา เป็นต้น ทางด้านโรงแรมที่เป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมไทยทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ได้มอบส่วนลดพิเศษค่าห้องพักในราคา 50 % นอกจากนี้บริษัทนำเที่ยว ภัตตาคาร ร้านอาหาร สวนสนุก ร้านอัญมณี ร้านค้าปลีกที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งสิ้นกว่า 300 ราย
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ รองผู้ว่าการ ททท. ฝ่ายบริหาร ได้กล่าวถึงผลสำเร็จของการจัดงานในปีที่ผ่านมา มีส่วนทำให้ยอดขายของห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านค้ามียอดจำหน่ายที่สูงขึ้น สินค้าส่วนใหญ่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ ประเภทเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และสินค้าหัตถกรรมตามลำดับ นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ รวมถึงยังเป็นการดึงดูดให้คนไทยหันมานิยมซื้อสินค้าในประเทศไทย แทนการเดินทางไปซื้อของในต่างประเทศ นับว่าเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการซื้อสินค้าในประเทศไทย ที่มีศักยภาพการแข่งขันสูงเทียบเท่าประเทศอื่น ๆ ได้ในตลาดโลก และสำหรับการจัดงานในปีนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจและใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากได้มีการทำการตลาดล่วงหน้าจากการไปโร้ดโชว์ในต่างประเทศ--จบ--
-นห-