JWD เปิดโมเดลปี 60 เร่งเก็บเกี่ยวรายได้หลังรุกขยายการลงทุนในอาเซียน พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตจากธุรกิจในไทยอย่างต่อเนื่อง มั่นใจสามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 22, 2017 11:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เปิดโมเดลธุรกิจปี 60 เร่งเก็บเกี่ยวรายได้จากโครงการที่ทยอยลงทุนในภูมิภาคอาเซียนในช่วงที่ผ่านมา อาทิ คลังสินค้าใน สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา และการร่วมทุนขยายธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดน พร้อมประกาศสร้างการเติบโตจากฐานธุรกิจในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นที่ปรับกลยุทธ์มุ่งเพิ่มสัดส่วนรับฝากสัตว์ปีกทดแทนอาหารทะเลที่ชะลอตัว ธุรกิจบริหารจัดการชิ้นส่วนยานยนต์ ศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์และธุรกิจขนส่งสินค้าที่มีโอกาสเติบโตได้ดี มั่นใจปีนี้สามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังบันทึกค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและการพัฒนาธุรกิจไปแล้วในปีที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจาก 8% เป็น 25% ของรายได้รวมภายในปี 2563 นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า ได้วางแผนธุรกิจในปี 2560 ที่จะผลักดันรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 7% โดยมีปัจจัยจากการเก็บเกี่ยวรายได้จากโครงการต่าง ๆ ในอาเซียนที่ทยอยลงทุนไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา อาทิ โครงการคลังสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าห้องเย็นใน สปป.ลาว พื้นที่ 720 ตารางเมตร, คลังสินค้าห้องเย็นและคลังสินค้าทั่วไปในเมียนมา พื้นที่รวม 4,300 ตารางเมตร, คลังสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าห้องเย็นในกัมพูชา พื้นที่รวม 4,428 ตารางเมตร, ธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนที่ได้ร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท ศรีไทย กรุ๊ป จำกัด ขยายธุรกิจในกลุ่ม CLMV และมาเลเซีย พร้อมทั้งจะมุ่งสร้างการเติบโตจากฐานธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นธุรกิจ 4 ส่วน ได้แก่1.ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น 2.ธุรกิจรับบริหารจัดการยานยนต์และชิ้นส่วน 3.ธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตรายและ 4.ธุรกิจรับขนส่งสินค้า ที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีในปีนี้ ทั้งนี้ สำหรับกลยุทธ์สร้างการเติบโตจากธุรกิจในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ ได้ปรับโมเดลธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นเพื่อลดการพึ่งพาสินค้าอาหารทะเลที่มีความต้องเช่าพื้นที่ลดลง จากเดิมที่มีสัดส่วนสินค้าอาหารทะเล 70% ของรายได้จากคลังสินค้าห้องเย็น ตั้งเป้าลดเหลือ 40% ภายในปีนี้ และจะมุ่งเน้นการรับฝากสัตว์ปีกเข้ามาทดแทน ขณะที่คลังสินค้าห้องเย็นบนถนนบางนา-ตราด กม.19 ที่อยู่ในพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) นั้น ปัจจุบันมีลูกค้าสนใจเช่าพื้นที่เพื่อใช้เป็น International Hub ในการกระจายสินค้าในภูมิภาคนี้ ส่วนคลังสินค้าห้องเย็นบนถนนสุวินทวงศ์ บริษัทฯ ได้ลงทุนห้องฟรีซสำหรับให้บริการแช่แข็งสินค้าเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ได้ลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์ รูฟท็อป บนหลังคาอาคารคลังสินค้าห้องเย็นซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้กว่า 3 ล้านบาท ต่อปี ขณะที่ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์นั้นคาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีในปีนี้ หลังจากได้ร่วมมือกับบริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อขยายธุรกิจสู่การให้บริการด้านโลจิสติกส์ชิ้นส่วนยานยนต์แก่สยามกลการอุตสาหกรรม คาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนธุรกิจรับฝากและบริหารจัดการสินค้าอันตราย จะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีจากศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ (JCS) ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ที่จะรองรับการจัดการสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ออกจากท่าเรือเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น และธุรกิจรับขนส่งสินค้าได้วางแผนขยายการให้บริการไปสู่ลูกค้าที่เป็นผู้บริโภครายย่อยหรือ B to C จากปัจจุบันที่ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรหรือ B to B เป็นหลัก "ปีนี้เป็นปีที่บริษัทฯ จะมุ่งเก็บเกี่ยวรายได้จากโครงการที่ทยอยลงทุนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาและเริ่มเปิดดำเนินการไปแล้ว เช่น คลังสินค้าใน สปป.ลาว เมียนมาและกัมพูชา ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้แบบเต็มปีในปีนี้ ส่วนธุรกิจในไทยคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เช่น คลังสินค้าห้องเย็นที่เริ่มมีความต้องการเช่าพื้นที่จากผู้ประกอบการอาหารทะเลเพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนตู้สินค้าอันตรายที่ผ่านเข้าออกท่าเรือแหลมฉบังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยเกื้อหนุนการเติบโตในปีนี้" นายชวนินทร์ กล่าว ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานและการควบคุมต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากได้บันทึกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไปแล้วในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีที่ผ่านมา อาทิ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ค่าใช้จ่ายด้านการพัฒนาธุรกิจ ค่าที่ปรึกษาการลงทุน การตั้งประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนและผลการดำเนินงานในปีนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศเป็น 25% ของรายได้รวม ภายในปี 2563 จากปัจจุบันอยู่ที่ 8% เพื่อสร้างการเติบโตและบรรลุเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2563 โดยมีแผนลงทุนคลังสินค้าแห่งใหม่ที่เมืองเวียงจันทน์ สปป.ลาว ในปีนี้เพื่อรองรับความต้องการเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัว รวมถึงจะพิจารณาโอกาสที่เหมาะสมในการขยายการลงทุนในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียนเพื่อเสริมสร้างธุรกิจให้มีความครบวงจร "เรามีวิชั่นที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้นจะมุ่งเน้นการสร้างฐานธุรกิจในประเทศให้แข็งแกร่งและมองโอกาสขยายการลงทุนในต่างประเทศเพื่อเชื่อมโยงธุรกิจถึงกัน โดยใช้จุดแข็งในการเป็นผู้ให้บริการด้าน โลจิสติกส์ที่ต้องการความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการขยายธุรกิจเติบโตต่อไปในอนาคต" นายชวนินทร์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ