“โกลเบล็ก” มองดัชนีหุ้นไทยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูง ให้กรอบดัชนี 1,540 – 1,580 จุด แนะ EPG - IVL- TU อานิสงส์สหรัฐลดภาษี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 1, 2017 11:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บล.โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูงราว 54 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกลดลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน บวกประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมเถลงนโยบายต่อสภาคองเกรส คาดมีการสนับสนุนมาตรการลดภาษีและการอัดฉีดงบโครงการสาธารณูปโภคครั้งใหญ่ ให้กรอบดัชนี 1,540 – 1,580 จุด แนะลงทุนหุ้น EPG IVL TU รับอานิสงส์เพราะมีโรงงานในสหรัฐ ด้านราคาทองคำแนะนำให้รอซื้อ เมื่อราคาจะหลุด 1,250 ดอลลาร์ น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูงราว 54 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือนมกราคม ที่ผ่านมาลดลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ 32.06 ล้านบาร์เรล/วัน รวมถึงประธานาธิบดีทรัมป์ เตรียมเถลงนโยบายต่อสภาคองเกรส ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดเผยถึงมาตรการลดภาษีและการอัดฉีดงบโครงการสาธารณูปโภคครั้งใหญ่ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังมีแนวโน้มปรับเป้า GDP ใหม่ปี 2560 เป็นมากกว่า 3.6% หลังตัวเลขส่งออกเดือนมกราคมขยายตัวกว่า 8.8% ดีกว่าที่คาดการณ์ว่าส่งออกทั้งปีโต 2.5% สอดคล้องกับที่กระทรวงพาณิชย์เชื่อว่าการส่งออกปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3.5% โดยมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติเป็น Net Sell ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ประมาณ 2.6 พันล้านบาท จากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯประกอบกับความผันผวนของแรงขาย Sell on fact หลังประกาศงบและปันผลปี 2559 และประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัสสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเร็ว ๆ นี้เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ ทั้งนี้ เฟดมีกำหนดประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 14-15 มีนาคม 2560 อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 1 มี. ค. กลุ่มประเทศยูโรโซนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนกุมภาพันธ์ และสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนกุมภาพันธ์ การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนมกราคม และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ เช้าวันที่ 2 มีนาคม เวลาในประเทศไทย ธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) วันที่ 3 มีนาคม สหรัฐ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ. และดัชนีภาคการผลิตเดือนกุมภาพันธ์ และในวันที่ 6 มีนาคม สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อ ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนเนื่องจากได้ประกาศงบปี 2559 เกือบครบทุกกลุ่มแล้ว ประกอบกับแนวโน้ม Fund Flow ต่างชาติที่ชะลอตัวเพื่อรอแผนการลดภาษีและงบโครงการขนาดใหญ่ของประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงเป็นแรงกดดันดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,540 – 1,580 จุด ทั้งนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ในกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน เช่นEPG IVL TU รับอานิสงส์กระแสข่าวการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ของสหรัฐฯเนื่องจากมีโรงงานในประเทศสหรัฐฯ และกลุ่มเดินเรือ อานิสงส์จากดัชนีค่าระวางเรือมีแนวโน้มฟื้นตัวโดยปรับขึ้น 13% จากสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า นักลงทุนมีความกังวลอย่างมากในหลาย ๆ ด้าน ทั้งความไม่แน่นอนของการออกนโยบายเศรษฐกิจและการบริหารงานของรัฐบาลสหรัฐฯ และกระแสการเมืองในยุโรปที่มีแนวโน้มที่ผลการเลือกตั้งของหลายประเทศในปีนี้จะพลิกข้างจากพรรครัฐบาลที่สนับสนุนการมีอยู่ของยูโรโซนและเงินสกุลยูโร มาเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการให้ประเทศมีความเป็นเอกเทศ ไม่ขึ้นต่อใคร เช่นเดียวกับแนวทางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งมีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ ราคาทองคำในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (22-28 ก.พ.) ดีดตัวขึ้นแรงจาก 1,225 ดอลลาร์ ไปแตะ 1,263 ดอลลาร์ ก่อนอ่อนตัวลงมาด้วยแรงขายทำกำไรระยะสั้นเพื่อปรับพอร์ตก่อนจะมีการแถลงการณ์ของทรัมป์ในช่วงสายวันที่ 1 มีนาคม (ตามเวลาประเทศไทย) เนื่องจากมีการเผยแพร่แนวนโยบายที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ทั้งการเพิ่มงบความมั่นคงสู่ระดับสูงสุด การอัดฉีดเงินให้กองทัพ การลงทุนมหาศาลในด้านสาธารณูปโภค การผ่อนคลายกฎระเบียบทั้งการบริหารงานภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม หากมาตรการดังกล่าวมีความชัดเจนถึงรายละเอียดให้สามารถคาดการณ์ถึงผลกระทบได้ การปรับขึ้นต่อของราคาสินทรัพย์ปลอดภัยอาจสะดุดลง เพราะมีโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น เพื่อให้ทันต่อเงินเฟ้อในอนาคต ซึ่งจะเป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมากกว่า ทั้งนี้ แนะนำให้ long เป็นกลยุทธ์หลักจนกว่าราคาจะหลุด 1,250 ดอลลาร์จึงปรับมาเล่น swing trade ตามการคาดการณ์กรอบราคาในสัปดาห์นี้ (1-7 มี.ค.) ที่ 1,240 - 1,265 ดอลลาร์ แต่ถ้าหลุด 1,240 ดอลลาร์ ควร stop loss ฝั่ง long แล้ว wait & see ซึ่งอาจใช้การสะสมของกองทุน SPDR ที่หยุดอยู่ที่ระดับ 841.17 ตัน เป็น key factor เพื่อพิจารณาร่วมกับการ breakout จากกรอบราคาด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ