กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--บลจ.เอ็มเอฟซี
บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เผยผลงานปี 2559 บริษัทมีรายได้ 931 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 209 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนทุกประเภท (NAV) เป็น 625,039 ล้านบาท เน้นกลยุทธ์หลักเรื่องการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด และการขยายฐานลูกค้าของสาขาต่างจังหวัดที่เปิดบริการมาก่อนแล้ว เพิ่มความร่วมมือทางธุรกิจกับธนาคารออมสิน พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกและง่ายต่อการเพิ่มฐานลูกค้า สร้างรายได้และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เอ็มเอฟซีในอนาคต
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2559 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนทุกประเภทภายใต้การจัดการของบริษัทมีมูลค่า 426,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 17 จากปี 2558 ที่มีมูลค่า 364,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวม 239,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นร้อยละ 23 จากปี 2558 ที่มีมูลค่า 194,000 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 154,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นร้อยละ 9 จากปี 2558 ที่มีมูลค่า 141,000 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 32,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นร้อยละ 10 จากปี 2558 ที่มีมูลค่า 29,000 ล้านบาท โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนทุกประเภทมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 5 ของอุตสาหกรรม คิดเป็นร้อยละ 6.68
เอ็มเอฟซีได้เสนอขายกองทุนใหม่ในปีที่แล้ว 71 กองทุน สามารถระดมเงินได้ 31,143 ล้านบาท เป็นกองทุนรวม 19 กองทุน มูลค่ารวม 10,850 ล้านบาท กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 1 กองทุน มูลค่ารวม 500 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้มีการจัดตั้งกองทุนใหม่ 4 กองทุน มูลค่ารวม 14,194 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคลมีการจัดตั้งกองทุนใหม่ 47 กองทุน มูลค่ารวม 5,599 ล้านบาท
ในปีที่ผ่านมา เอ็มเอฟซีได้ร่วมมือกับกระทรวงการคลังในการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) และได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้จัดการกองทุนดังกล่าว
เอ็มเอฟซีได้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวม 24 กองทุน เป็นเงินกว่า 1,283.08 ล้านบาท โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) จ่ายเงินปันผลรวมสูงสุดกว่า 314.67 ล้านบาท และกองทุนเปิดร่วมพัฒนาสอง (RPF2) จ่ายเงินปันผลต่อหน่วยสูงสุด 1.70 บาท (หมายเหตุประกอบด้านล่าง)
นอกจากนี้กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเวลลอป มาร์เก็ต (I-DEVELOP) ภายใต้การจัดการของเอ็มเอฟซียังได้รางวัลกองทุนยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 ประเภทกองทุนตราสารทุนโลก จากงาน Money And Banking Awards 2016 จัดโดยวารสารการเงินธนาคาร และเอ็มเอฟซียังได้รับรางวัลจากงาน The Asset Award 2016 จัดโดย The Asset Magazine Research ซึ่งสองรางวัลที่ได้รับเป็นรางวัลประเภทผู้จัดการกองทุนด้านตราสารหนี้ (Pipat Narunant-Most Astute Investor Thai Baht Bond 2016 และรางวัล Top Investment House Asian Currency Bonds Thailand 2016 นอกจากนี้ล่าสุดเอ็มเอฟซีได้รางวัลบลจ. ดีเด่น (Outstanding Asset Management Company Awards) จาก SET Awards 2016 ที่จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคารอีกด้วย
เอ็มเอฟซียังได้เปิดสำนักงานสาขาเพิ่มเติมที่เซ็นทรัลพลาซาปิ่นเกล้าในปีที่ผ่านมา และที่อุบลราชธานีเมื่อต้นปีนี้ เพื่อให้บริการด้านการวางแผนการลงทุนสำหรับกลุ่มผู้สนใจลงทุนได้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคอีกด้วย
กรรมการผู้จัดการ กล่าวต่อไปว่า ในปี 2560 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 625,039 ล้านบาทหรือร้อยละ 46.8 และรักษาระดับรายได้ที่ประมาณ 1,242.2 ล้านบาท โดยบริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลักคือ การขยายสาขาไปต่างจังหวัด และการขยายฐานลูกค้าของสาขาต่างจังหวัดที่เปิดบริการมาก่อนแล้ว การเพิ่มความร่วมมือทางธุรกิจกับธนาคารออมสิน เพื่อสร้างรายได้และสร้างความแข็งแกร่งให้กับเอ็มเอฟซี อีกทั้งการหา Strategic Partners เพื่อพัฒนาธุรกิจ พัฒนากองทุนรูปแบบใหม่ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าจากผลงานการบริหารกองทุนและผลตอบแทนทุกประเภทกองทุน เพื่อให้เกิดความสะดวกและเป็นที่ประทับใจแก่ลูกค้า และการมุ่งเน้นธุรกิจที่สร้างการเติบโตและรายได้ที่ยั่งยืนให้กับบริษัท