พีรามิด ดิจิตอล ทุ่ม 100 คว้าลิขสิทธิ์ ดิสนี !! มั่นใจ ปีนี้รายได้โต 20 เปอร์เซ็นต์!!

ข่าวบันเทิง Wednesday March 8, 2017 08:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 มี.ค.--พีรามิดดิจิตอล ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทยอยปิดตัวหรือชะลอตัวลงอย่างมาก ปฎิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการการละเมิดลิขสิทธิ์ที่แพร่หลาย ในรูปแบบแผ่นผี หรือถ่ายทอดสดผ่านทางเฟสบุคและเว็ปไซด์ต่างๆ จึงทำให้ผู้จัดจำหน่ายต่างๆ ชะงักการลงทุนซื้อลิขสิทธิ์คอนเท้นท์ต่าง ๆ เพื่อนำมาจัดจำหน่ายในประเทศไทย แต่พีรามิดดิจิตอลสวนกระแสทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ของดิสนีย์และบริษัทลูกในเครือของดิสนีย์ทั้งหมดมาจัดจำหน่ายและปรับแผนการตลาด หวังนำธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์บูมอีกครั้ง โดย พงศ์ชัย ปัญจไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีรามิด ดิจิตอล จำกัด กล่าวว่า "จริงๆ แล้วต้องบอกว่า พีรามิด ดิจิตอลเกิดมาได้เกือบ 20 ปีแล้ว ในช่วงแรกเราจะเน้นเรื่องการขายการ์ตูนเป็นหลัก การ์ตูนเรื่องแรกที่ซื้อมาคือ เซนต์ เซย์ย่า ซื้อสิทธิ์มา 5 ล้าน แต่กำไรก็ดีมาก เราก็ซื้อ คอบร้า, อุลตร้าแมน ต่อ ช่วงแรก ๆ เราจะเน้นเรื่องการ์ตูนเป็นหลัก คือในช่วงแรกพีรามิด ดิจิตอลคือ Distributor (ตัวแทนจำหน่าย) จนวันนึงเลยคิดว่าเราอยากเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ผลิต และจัดจำหน่ายด้วยตัวเอง เราก็เลยทุ่มงบประมาณประมาณ 100 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์หนังของดิสนีย์และบริษัทลูกในเครือของดิสนีย์ทั้งหมดมาอยู่ในมือ เริ่มตั้งแต่เรื่อง Captain America: Civil Warประมาณปลายปีที่แล้ว ซึ่งยอดขายถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยทีเดียว ส่วนปีนี้เราจะมีหนังใหญ่ ๆ เลยคือ Doctor Strange หนังฮีโร่ฟอร์มใหญ่ของมาร์เวลจะออกในเดือนมีนาคม ที่เราคาดหวังว่ายอดขายดีไม่แพ้ที่ผ่านมา ในส่วนของภาพยนตร์แอนิเมชั่นก็จะเป็น Moana ที่ได้เสียงวิจารณ์ดีมาก ที่จะออกเดือนมีนาคมเหมือนกัน ส่วนเดือนเมษาจะมี Rogue One: A Star Wars Story และจะมี Beauty and the Beast ฉบับคนแสดง Guardians of the Galaxy Vol. 2 และ Pirates of the Caribbean: Salazar's Revenge ที่จะตามตลอดทั้งปีครับ ส่วนไอเดียในการจัดจำหน่ายตอนนี้เราวางแผนไว้ว่าจะนำสินค้าออกจัดจำหน่ายหลายช่องทางมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น มีช่องทางที่สะดวกมากขึ้น เช่นเว็บไซต์ขายของอย่าง Lazada และเว็บไซต์อื่น ๆ ที่จะตามมาอีกในอนาคตเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายที่มากขึ้น และทางเราจะมีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ที่จะเป็นสินค้าพรีเมี่ยมจากเจ้าของลิขสิทธิ์เลย เช่นของน่าสะสมจากทางมาร์เวล หรือ ลูคัสฟิล์ม ที่มีไว้รอแถมในดีวีดีและบูลเรย์ของเราด้วย และผมมั่นใจ เพราะจุดแข็งของเราก็คือช่องทางการกระจายสินค้าถึงผู้บริโภค เพราะทุกวันนี้เรามีพันธมิตรมากมาย อย่างเราส่งให้ เซเว่น 7-11, Black Sheep, ร้านบูมเมอแรง B2S ทั้งหมดนี้รวม ๆ กันก็เป็นหมื่นสาขา ในเรื่องของทิศทางการแข่งขันในตลาดปัจจุบันที่มีคู่แข่งในรูปแบบ VOD (Video on Demand) ทางเรามองว่าธุรกิจแบบนี้ยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย ผมว่าธุรกิจหนังออนไลน์มันยังไม่ถึงจุดที่แข็งแรงขนาดนั้นนะ เพราะส่วนใหญ่หนังใหม่ในนั้นก็ไม่ได้เร็วไปกว่าเรา ฉะนั้นจุดแข็งเราก็เหมือนกัน ของเรา 3 เดือนหนังใหม่ก็ออกมาแล้ว และอย่างที่บอกว่าทางเรากำลังเน้นเกี่ยวกับเด็ก เรากำลังจะทำการ์ตูนออกมา ซึ่งสำหรับเด็กการโหลดหรือการดูออนไลน์มันไม่มี และประเภทของสื่อที่ดู ก็ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เด็กจะดูเฉพาะเรื่องที่เขาสนใจคือการ์ตูน เลยมองว่าออนไลน์ยังต้องใช้เวลาอีกในการทำให้ตัวเองแข็งแรง และเรายังผลิต เมอร์เชี่ยลไดร์ฟ ออกจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้และตอบสนองความต้องการของ ผู้บริโภคในอีกมุมหนึ่งด้วย ส่วนที่มีคนมองว่าธุรกิจ โฮม เอ็นเตอร์เทนกำลังอยู่ในช่วงขาลง ผมมั่นใจครับว่า พีรามิด ดิจิตอล ยังคงเป็นเบอร์ต้น ๆ ในประเทศ รายได้เราก็ยังไม่ได้ตก และคาดว่าในปีนี้รายได้ของบริษัทจะเติมโตขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ