ปภ.รายงานคุณภาพอากาศในภาคเหนือโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงดี ประสาน 9 จังหวัดคุมเข้มการเผาทุกพื้นที่

ข่าวทั่วไป Tuesday March 14, 2017 11:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่9 จังหวัดภาคเหนือ ณ วันที่ 13 มีนาคม 2560 เวลา 06.00 น. พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศเฉลี่ย 24 ชั่วโมงค่า PM10 อยู่ระหว่าง 46 – 86 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีถึงปานกลาง ปริมาณฝุ่นละอองไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือ เร่งดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น โดยใช้กลไก "ประชารัฐ" พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการจัดทำข้อตกลงของชุมชนประกาศเขตห้ามเผาเป็นระยะเวลา 60 วันตามสภาพความเสี่ยงภัยของพื้นที่ รวมถึงระดมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณหมอกควันฝุ่นละอองในอากาศ เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้น นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2560 เวลา 06.00 น. พบว่า พื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10)เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 46 - 86 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ระหว่าง 54 – 79ซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงดี ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น โดยใช้กลไก "ประชารัฐ" ขับเคลื่อนมิติเชิงพื้นที่ กำหนดมาตรการป้องกันให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาในพื้นที่ พร้อมจัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและอำเภอ จัดเจ้าหน้าที่ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังและระงับเหตุไฟป่า พร้อมระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครภาคประชาชนจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงคุมเข้มไม่ให้มีการเผาในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่เกษตรกรรม ชุมชน หมู่บ้าน และพื้นที่ริมทาง และรณรงค์ให้เกษตรกรใช้วิธีไถกลบเศษวัสดุทางการเกษตรแทนการเผา หรือใช้สารอินทรีย์ย่อยสลายตอซัง ควบคู่กับการจัดทำข้อตกลงของชุมชนประกาศเขตห้ามเผาเป็นระยะเวลา 60 วัน รวมถึงระดมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณหมอกควันฝุ่นละอองในอากาศ อีกทั้งประชาสัมพันธ์ถึงผลกระทบจากปัญหาไฟป่าหมอกควันผ่านเสียงตามสายหมู่บ้านรถกระจายเสียง วิทยุ และโทรทัศน์ชุมชน ตลอดจนแจกจ่ายหน้ากากอนามัยและให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในช่วงเกิดสถานการณ์หมอกควัน ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ