กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
สพฉ.จัดประชุมวิชาการการแพทย์ฉุกเฉินระดับชาติครั้งที่ 11 สืบสานพระราชปณิธาน รวมใจเพื่อคุณภาพการแพทย์ฉุกเฉินไทยสู่เวทีโลก ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 31 มีนาคม 2560 เน้นพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินไทยให้ได้มาตรฐานสู่ระดับสากล และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จัดประชุมวิชาการการแพทย์ฉุกเฉินระดับชาติ ประจำปี 2560 ซึ่งการประชุมวิชาการครั้งนี้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 11 ภายใต้หัวข้อ สืบสานพระราชปณิธาน รวมใจเพื่อคุณภาพการแพทย์ฉุกเฉินไทยสู่เวทีโลก ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 31 มีนาคม 2560 ณ ศูนย์ประชุม อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่ 1 และประธานกรรมการบูรณาการประสานงานกรณีกู้ชีพฉุกเฉิน เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม
นายสุรชัย กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีความห่วงใยประชาชนชาวไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านสุขภาพอนามัย พระองค์ทรงเห็นว่าปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข ดังพระราชดำรัสที่ว่า "ถ้าคนเรามีสุขภาพเสื่อมโทรม ก็จะไม่สามารถพัฒนาชาติได้ เพราะทรัพยากรที่สำคัญของประเทศชาติก็คือพลเมืองนั้นเอง..." นอกจากนี้พระองค์ยังทรงยึดมั่นที่จะสืบทอดพระราชปณิธานของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย และสมเด็จพระบรมราชชนนี พระมารดาของการแพทย์ชนบท ในการที่จะให้ประชาชนชาวไทยได้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ
ที่ผ่านมาได้เสนอกฎหมายหลายๆ เรื่อง เพื่อรองรับการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะเรื่องการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน จึงได้จัดตั้งคณะทำงาน การบูรณาการประสานงานกรณีกู้ชีพฉุกเฉินขึ้นมาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน เพื่อพัฒนาการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินให้รวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่การจราจรติดขัด
นอกจากนี้ยังมีความคิดให้ประชาชนตระหนักรู้ และเห็นความสำคัญเรื่องการแพทย์ฉุกเฉิน เน้นให้ประชาชนเรียนรู้การปฐมพยาบาล ดังนั้นต่อจากนี้การสอบใบขับขี่ทุกครั้ง ทุกคน จะต้องผ่านการอบรมเรื่องปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ซึ่งจะถือเป็นต้นทางในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินให้รอดและปลอดภัย
ขณะที่ เรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า การประชุมวิชาการการแพทย์ฉุกเฉินระดับชาติที่จัดขึ้นครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และยังถือเป็นช่องทางสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนา และกระตุ้นให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินได้ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และนำองค์ความรู้ใหม่ๆ เผยแพร่สู่เวทีสาธารณะ รวมทั้งเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์ฉุกเฉินทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ นวัตกรรมที่ทันสมัยและเป็นประโยชน์ อันจะนำไปสู่การพัฒนาและการสร้างเครือข่ายทางวิชาการ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักรู้และเฝ้าระวังในกรณีเจ็บป่วย
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ไฮไลท์ของงาน จะมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานเกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉิน และกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นอกจากนี้ยังมีปาฐกถาพิเศษ ""เรื่องเล่าจากใจ ผู้ถวายงานระบบสายอากาศ พลิกโฉมวิทยุสื่อสาร"" โดย รศ.ดร.สุธี อักษรกิตติ์ หรือไอน์สไตน์เมืองไทย ผู้สนองพระราชดำริในโครงการระบบสื่อสารสายอากาศและอิเล็กทรอนิกส์ และปาฐกถาพิเศษ สืบสานพระราชปณิธาน ร่วมใจสร้างคุณภาพ ก้าวล้ำนำการแพทย์ฉุกเฉินไทยสู่ระดับสากล โดยเลขาธิการ สพฉ. อีกด้วย
ส่วนการเสวนา ก็มีหัวข้อที่น่าสนใจ มากมาย อาทิ คุณภาพและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติการในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ทำอย่างไรให้ยั่งยืน , ภัยคุกคามของโลก: การเตรียมการและการรับมือ , Ambulance Safety , การขับเคลื่อนการแพทย์ฉุกเฉินไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0 , และเครือข่ายการแพทย์ฉุกเฉินตอบโต้ภัยพิบัติ
เรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ กล่าวต่อว่า นอกจากการประชุมทางวิชาการแล้ว ภายในงานยังมีการประกวดผลงานวิชาการ และกิจกรรมฝึกปฎิบัติ อาทิ การสื่อสาร ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อรองรับเวทีโลก โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีน เมียนมา อังกฤษ มาเลเซีย และ ญี่ปุ่น รวมทั้ง การดูแลผู้ป่วยอุบัติเหตุ ณ จุดเกิดเหตุ และการนำเสนอผลงานของหน่วยงานที่ได้รับรางวัลดีเด่นประจำปี อีกทั้งยังมีการมอบโล่รางวัล และเข็มเชิดชูเกียรติให้กับผู้ปฏิบัติงานทางการแพทย์ฉุกเฉินอีกด้วย