กลุ่มบริษัทตะวันออกโปลีเมอร์ขยายฐานธุรกิจโดยซื้อธุรกิจหลักของบริษัทไทยโมเดิร์นพลาสติก

ข่าวทั่วไป Friday June 15, 2001 18:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
กลุ่มบริษัทตะวันออกโปลีเมอร์ ขยายฐานธุรกิจใหม่โดยการซื้อธุรกิจในส่วนที่เป็นอุตสาหกรรมการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ จ.ระยอง ของบริษัทไทยโมเดิร์นพลาสติก อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (TMP) ซึ่งอยู่ภายใต้แผนฟื้นฟูธุรกิจของ เซ้าท์สาธร แพลนเนอร์ พร้อมทุ่มเงินเพิ่มอีกกว่า 100 ล้านบาท ปรับปรุงกิจการ หวังสร้างอัตราเติบโตไม่ตำกว่า 20% ต่อปี ภายใน 2002-2005
นายภวัฒน์ วิทุรปกรณ์ ประธานกลุ่มบริษัท ตะวันออกโปลีเมอร์ ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตยางฉนวน AEROFLEX และจำหน่ายพลาสติกแผ่นชนิดต่างๆ และ พื้นปูกระบะ AEROLINER เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ตกต่ำในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ส่งให้บริษัทของคนไทยหลายบริษัทต้องได้รับผลกระทบ และต้องอยู่ภายใต้แผนฟื้นฟูธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กลุ่มบริษัทตะวันออกโปลีเมอร์ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยได้มีโอกาสเข้าซื้อกิจการเพื่อดำเนินธุรกิจต่อโดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่ในสายอุตสาหกรรมที่กลุ่มฯ มีความเชี่ยวชาญ
ในครั้งนี้บริษัทฯ ได้เข้าซื้อทรัพย์สินของธุรกิจหลัก (Core Business) ซึ่งเป็นโรงงานที่จังหวัดระยอง ของบริษัทไทยโมเดิร์นพลาสติก อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทางด้านผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกรายใหญ่ของไทย คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดประมาณ 240 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มบริษัทตะวันออกฯ ได้เสนอเงื่อนไขเป็นที่พอใจของผู้จัดทำแผนฟื้นฟูและเจ้าหนี้ ทั้งนี้ในวันที่ 15 มิถุนายน 2544 ที่ผ่านมา ได้ทีการเซ็นสัญญาการซื้อทรัพย์สินและธุรกิจหลักระหว่าง บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด หรือ EPC ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทตะวันออกโปลีเมอร์ และ บริษัทเซ้าท์ สาทร แพลนเนอร์ จำกัด ที่โรงงานรีเจ้นท์
"การซื้อทรัพย์สินและธุรกิจหลักของบริษัทไทยโมเดิร์นเป็นการขยายฐานธุรกิจเข้าสู่วงการบรรจุภัณฑ์พลาสติก โดยบริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จะดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง รักษาการจ้างงานพนักงานเดิมทั้งหมดซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของผู้ทำแผนและเป็นความตั้งใจของบริษัทด้วย อีกทั้งยังมั่นใจในศักยภาพของทีมงานเดิม พร้อมผู้บริหารใหม่ที่จะทำให้บริษัทมีความเติบโตและมั่นคงยิ่งขึ้น" นายภวัฒน์ กล่าว
นายภวัฒน์กล่าวต่อว่า เป้าหมายของการบริหารบริษท EPC. ในระยะแรกนี้จะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 100 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีแรกเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรและบุคลากรต่างๆ โดยเพิ่มกำลังผลิตของโรงงาน เพื่อขยายสู่ตลาดส่งออกต่างประเทศโดยเฉพาะและภายหลังจากที่ข้อตกลงอาฟต้ามีผลบังคับใช้ในปี 2003 EPC. จะมุ่งขยายตลาดสู่ประเทศเอเชี่ยน (ASIAN) ทั้งหมด ทั้งนี้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการตลาดที่เข้มแข็ง คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดในส่วนภูมิภาคนี้ได้มาก สำหรับในประเทศภายหลังการเข้าบริหาร บริษัท EPC. จะมีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ในปีนี้โดยตั้งเป้าหมายการเติบโต 20% ในปีต่อไป โดยคาดว่าจะมียอดขาย 500-600 ล้านบาท ในปี 2003
ผลของการเข้าซื้อโรงงานที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นกิจการหลักของบริษัทไทยโมเดิร์นในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการขยายธุกิจของกลุ่มบริษัทตะวันออกโปลีเมอร์ในแนวลึกด้านพลาสติกอย่างต่อเนื่องโดยการก้าวเข้าสู่การผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดต่างๆ อาทิ ถ้วยไอศกรีม ถ้วยโยเกิร์ต ถ้วยน้ำดื่มทั้งแบบใสและแบบขาวขุ่น ถาดอาหารและขนม เป็นต้น ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นเม็ดพลาสติกที่ผลิตโดยอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคัลในประเทศไทยมาผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อส่งออกซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าทำให้ประเทศชาติได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่
กลุ่มบริษัทตะวันออกฯ นอกจากมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยางและพลาสติกมากกว่า 25 ปี และในปี 2538 บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจจากการผลิตแผ่นพลาสติก (ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป) สู่การผลิตสินค้าสำเร็จรูป แอร์โรลายเนอร์ (AEROLINER) ซึ่งเป็นพื้นปูกระบะ ด้วยขบวนการผลิตที่ทันสมัย และด้วยส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภัณฑ์แอร์โรลายเนอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ในปี 2544 นี้ บริษัทฯได้ขยายการลงทุนโดยการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 เท่า เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ ประกอบกับเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซีย เพื่อผลิตสินค้า Security Seal และ Precision Plastic Products ด้วยระบบฉีด (Injection) โดยการสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้น ตั้งอยู่ที่สวนอุตสาหกรรม IPP. จ.ระยอง ทำให้กำลังการผลิตสินค้ากลุ่มพลาสติกของกลุ่มบริษัทตะวันออกฯ และ EPC. ร่วมแล้วมีกำลังผลิตทั้งสิ้น 20,000 ตันต่อปี ส่งผลให้กลุ่มบริษัท กลายเป็นผู้ผลิตพลาสติกรายใหญ่แห่งหนึ่งในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับยอดขายของกลุ่มบริษัทตะวัยออกฯ ซึ่งประกอบด้วย โรงงานอุตสาหกรรมยาง พลาสติก และโลหะ ทั้ง 3 แห่ง ในปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมกับกลุ่มบริษัทร่วมทุน 4 แห่ง ซึ่งมีเป้าหมายยอดขายประมาณ 1,500 ล้านบาท
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร 434-8300 สุจินดา,แสงนภา,วสาวดี,ระริน--จบ--
-รค-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ