L&E โชว์กำไรQ1/60 พุ่ง 74% คาดQ2ดีต่อ หลังตุนงานในมือ 900 ลบ.รับรู้รายได้หมดปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 15, 2017 15:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--IR PLUS L&E เดินหน้าแผนรุกส่งออกตลาด AEC เต็มสูบ หลังจากโรงงานแห่งใหม่ ที่ จ.ปทุมธานี ลงตัวมีความพร้อมในการผลิตเต็ม 100% ล่าสุดตุนงานในมือแล้ว 900 ล้านบาท รับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ พร้อมโชว์กำไร ไตรมาส1/60 เติบโต 74% ผลจากอัตรากำไรเบื้องต้นปรับตัวดีขึ้น จากการควบคุมต้นทุนการผลิตของบริษัทมีประสิทธิภาพ ประเมินผลงานครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก ตลาดค้าปลีกไปได้สวย เชื่อไตรมาส 2 ผลประกอบการมีแนวโน้มดีกว่าไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มั่นใจทั้งปีรายได้โต 15% นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2560 คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/2560 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้บริษัทมีธุรกรรมงานติดตั้งเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งตามมาตรฐานบัญชีจะสามารถรับรู้รายได้เมื่อมีการติดตั้งเสร็จเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาส 1/60 รายได้อาจจะไม่ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 74% แต่ทั้งปี 2560 มั่นใจว่ายอดขายจะเติบโต 15% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากโรงงานแห่งใหม่ ที่จังหวัดปทุมธานี ลงตัวมีความพร้อมในการผลิตเต็มที่ สำหรับแผนการตลาดของบริษัทฯ ในปี 2560 ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการเตรียมพร้อมรับมือจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาด LED โดยเฉพาะการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ จะเน้นส่งออกในตลาด AEC เนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมหลังจากโรงงานแห่งใหม่ ที่จังหวัดปทุมธานี สามารถเดินเครื่องกำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่ โดยบริษัทฯได้ตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ 15% โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ปี 60 จะมาจากงานโครงการ 68 % ค้าส่ง ค้าปลีก 23% และตลาดต่างประเทศ 9 % ซึ่งรายได้ค้าปลีกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากหลอด LED และบริษัทฯ มีกำลังการผลิตหลอด LED เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดปทุมธานี โดยแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจภาคเอกชน ด้านงานโครงการมีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานคงค้างรอรับรู้รายได้(Backlog) ประมาณ 900 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ทั้งหมดในปีนี้ รวมถึงอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง "ตลาดในอาเซียนมีการขยายตัวรวดเร็ว โดยเฉพาะในเมียนมา ธุรกิจเราไปได้ดี ถึงแม้จะมีการแข่งขันสูง แต่ L&E เข้าไปบุกตลาดนานถึง 7-8 ปีมาแล้ว และได้เปิดสาขาเมื่อช่วงปลายปี 58 และมีการเสนอแนวคิดใหม่ในเมียนมา เน้นการขาย Solution Provider เนื่องจากเป็นประเทศเกิดใหม่ที่กำลังพัฒนา ซึ่งแนวคิดนี้จีนทำไม่ได้ ซึ่งจีนจะเน้นวอลุ่มขายของถูกมากกว่า ส่วนตลาดเวียดนามเราได้เข้าไปตั้งบริษัทย่อยเพื่อเปิดสำนักงานโชว์รูมสินค้า คลังสินค้า และโรงงานผลิต เนื่องจากเวียดนามมีโอกาสการเติบโตสูง จากการเข้าลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มซีพี และกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย โดยการขยายตลาดต่างประเทศบริษัทตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้ถึง 12% ภายใน 2 ปี จากปี 59 อยู่ที่ 7% โดยจะเน้นกลุ่มประเทศ CLMV เพราะมีแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตสูง" นายปกรณ์ กล่าว สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2560 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 549 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 19% เป็นผลจากงานโครงการได้ปรับตัวลดลง 15% งานค้าส่ง/ค้าปลีกลดลง 4% และงานส่งออกลดลง 73% งานโครงการลดเหลือ 359 ล้านบาท สาเหตุใหญ่เป็นผลจากการเลื่อนส่งมอบงานของหลายโครงการมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ไปรับรู้รายได้ในไตรมาสถัดไป ส่วนงานค้าส่ง/ค้าปลีกลดลงเหลือ 169 ล้านบาท เป็นผลจากกำลังซื้อของผู้บริโภคได้อ่อนตัวลงและการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับงานส่งออกลดลงเหลือ 22 ล้านบาท เป็นผลจากการเลื่อนส่งมอบงานในประเทศเวียดนาม รวมทั้งในปีที่แล้วบริษัทได้ขายโคมไฟฟ้า LED จำนวนมากเพื่อใช้ติดตั้งในซุปเปอร์สโตร์รายหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย แทนของเดิมเพื่อประหยัดพลังงาน แต่ซุปเปอร์สโตร์ดังกล่าวได้ชะลอการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด 3.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 74% เป็นผลจากกำไรเบื้องต้นจากการขายและให้บริการรวมรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 0.4 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 0.2% ทั้ง ๆ ที่ยอดขายได้ลดลง 19% ซึ่งสาเหตุใหญ่เป็นผลจากอัตรากำไรเบื้องต้นได้ปรับตัวดีขึ้นเพราะระบบควบคุมต้นทุนการผลิตของบริษัทฯ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและในระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วบริษัทฯ ได้ขายสินค้าจำนวนมากในราคาต่ำเพื่อระบายสต๊อก ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายลดลง 1.3 ล้านบาท หรือลดลง 1% ซึ่งสาเหตุใหญ่เป็นผลจากเงินกู้ยืมธนาคารที่ลดลงเพราะลูกหนี้การค้าและสินค้าคงเหลือได้ปรับตัวลดลง ปัจจุบันบริษัทมีหนิ้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.5 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ