สับปะรด GAP และ GI แปลงใหญ่ ต.หนองพันจันทร์ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี

ข่าวทั่วไป Wednesday May 31, 2017 16:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--แพนดิจิตัล ซิสเต็ม นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานดำเนินการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการปรับโครงสร้างการผลิตเป็นแปลงใหญ่ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการผลิตโดยเกษตรกร หรือองค์กรเกษตรกรในพื้นที่ทำการผลิตในพืชชนิดเดียวกันที่ติดต่อกันเป็นแปลงใหญ่ ทำให้เกิดขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เพื่ออำนาจในการต่อรองของเกษตรกร ตลอดจนกระบวนการผลิต การจัดการปัจจัยการผลิต การเก็บเกี่ยว การจัดการหลังการผลิต การแปรรูปที่สามารถเอื้อต่อการลดต้นทุนได้ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ ให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อทำการผลิตแบบแปลงใหญ่ในหลายประเภทการผลิตและพื้นที่ อย่างเช่นสับปะรดบ้านคา จังหวัดราชบุรี ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่กรมส่งเสริมสหกรณ์สนับสนุนให้มีการผลิตแบบแปลงใหญ่ ภายใต้การบริหารจัดการโดยสหกรณ์ ที่มีสหกรณ์จังหวัดเข้ามาให้การสนับสนุน สับปะรดบ้านคาถือเป็นแหล่งผลิตสับปะรดที่มีชื่อเสียง เนื่องจากมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ได้แก่ เนื้อสีเหลืองสวย กลิ่นหอม รสชาติหวาน ไม่กัดลิ้น เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคจำนวนมาก ดังมีสโลแกนของสับปะรดของกลุ่มเกษตรกรบ้านคาว่า "ไม่หวานจัด ไม่กัดลิ้น" เพราะพื้นที่เป็นดินที่มีความเหมาะสมในการปลูกสับปะรด และสับปะรดบ้านคา ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications: GI) ตามประกาศกรมทรัพย์สินทางปัญญา อีกด้วย อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า สับปะรดของหนองพันจันทร์ หรือสับปะรดบ้านคา จังหวัดราชบุรี ปัจจุบันสามารถส่งออกไปยังประเทศมัลดีฟได้แล้ว จากที่เมื่อปีที่แล้ว รัฐมนตรีพัฒนาเศรษฐกิจของมัลดีฟ ได้เดินทางมาที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อการหารือกันในเรื่องของการค้า ในด้านพืช ผัก ผลไม้ ที่ประเทศมัลดีฟต้องการ เพราะมีพื้นที่ไม่เหมาะในการเพาะปลูก และต้องการที่จะได้ผลไม้ที่มีคุณภาพจากประเทศไทย โดยวันนี้สับปะรด ได้รับความร่วมมือกันทางการค้าแล้ว กลไกก็คือจากสหกรณ์ไปสู่สหกรณ์ ส่งจากสหกรณ์บ้านเราไปสู่สหกรณ์ของประเทศมัลดีฟ ณ วันนี้เบื้องต้นเราส่งไปที่ประเทศมัลดีฟประมาณ 300 กิโลกรัม ซึ่งส่งไปล็อตแรกแล้ว ซึ่งต่อจากนี้จะมีการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยที่มีทุนเดิมของขบวนการผลิตคือ การปลูกในระบบของ GAP และเป็นพันธุ์พืช GI ด้วย ซึ่งได้ 2 ต่อ ในอนาคตสับปะรดหนองพันจันทร์หรือบ้านคา จังหวัดราชบุรี สามารถที่จะเปิดตลาดที่มัลดีฟได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องต่อไป เนื่องจากมีผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ และปลอดภัย ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งจะพัฒนาสินค้าเกษตรของของไทยให้ไปสู่ความมีคุณภาพ มีความปลอดภัย ได้เป็นอย่างดี ทางด้าน นายจันทร์ เรืองเรรา ประธานกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ต.หนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ได้เล่าให้ฟังถึงการปลูกสับปะรดของตำบลหนองพันจันทร์ว่า การปลูกสับปะรดนั้น จะใช้เวลาประมาณ 18 เดือน หรือ 1 ปี 6 เดือน ถึงจะได้ผลผลิตที่สามารถตัดจำหน่วยได้ โดย 1 ต้น จะให้ผลเพียงลูกเดียวเท่านั้น และที่เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ก็เพราะว่าเป็นเอกลักษณ์จำเพาะของสับปะรดที่นี่ เนื่องจากสภาพดินที่แตกต่างและมีความเหมาะสมต่อการปลูกสับปะรดเป็นชุดดินที่มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์จากที่หน่วยงานด้านดินได้นำไปศึกษาวิเคราะห์แล้ว พบว่าดินมีธาตุภูเขาไฟอยู่เรียกว่าชุดดินจันทึก ที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผลไม้หวาน สับปะรดที่ปลูกจึงมีความหวานที่แตกต่างจากพื้นที่ปลูกอื่นๆ และไม่กัดลิ้น มีรสชาติอร่อย ตรงกับความต้องการของตลาด "เมื่อก่อนปลูกสับปะรดส่งโรงงาน พอล้นโรงงาน โรงงานก็กดราคา จากกิโลกรัมละ 10 บาท ก็เหลือ 3 บาทพอเราผลิตเพื่อจำหน่ายแบบผลสด ต่างคนต่างผลิตก็จะเป็นปัญหาในเรื่องของการจำหน่าย การส่งให้กับพ่อค้า แม่ค้า ก็ถูกพ่อค้าแม่ค้ากดราคา จึงคิดเรื่องของการรวมกลุ่ม ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ทำในรูปของแปลงใหญ่ มีการวางแผนร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกร ในเรื่องของการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และการตลาด ณ วันนี้การรวมกลุ่มส่งสับปะรด ทำให้สามารถต่อรองราคากับพ่อค้าแม่ค้าได้ เพราะว่าสินค้าเรามีเยอะ และส่วนหนึ่งเราทำสินค้าคุณภาพ เราทำสินค้ามาตรฐาน ได้รับสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI เป็นลิขสิทธิ์เพิ่มมูลค่าสินค้าตัวนี้ จึงทำให้สินค้าเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นและตลาดต้องการจนทุกวันนี้ โดยล่าสุดทางห้างโลตัสได้สั่งซื้อสับปะรดของบ้านคาตลอดทั้งปี 2560 โดยกำหนดให้ส่งสัปดาห์ละ 1.8 ตัน ปัจจุบันส่งไปแล้วมีปริมาณ 60 ตันเศษ โดยทางห้างได้รับซื้อในราคากิโลกรัมละ14 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่ส่งขายให้โรงงานและส่งผลให้ราคาสับปะรดจากแปลงใหญ่ของเกษตรกรในอำเภอบ้านคาปรับตัวสูงขึ้น สามารถขายผลผลิตได้ราคาดี และล่าสุดมีการเดินหน้าต่อไปก็คือการส่งออกไปต่างประเทศในเกาะมัลดีฟ ฉะนั้นในการรวมกลุ่มครั้งนี้ เราถือว่าเราทำงานคืบหน้าไปเรื่อยๆ เพราะที่ผ่านมา เกษตรกรเราไม่รู้จักเรื่องของการตลาด รู้แต่ว่าผลิตได้ แต่ว่าช่องทางการจำหน่ายเราไม่มี ณ วันนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ให้ความรู้ทั้งการรวมกลุ่ม การซื้อปัจจัยการผลิต การวางแผนการผลิต การรวมกลุ่มกันจำหน่าย ผลผลิตจึงทำให้สับปะรดบ้านคาเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น" นายจันทร์ เรืองเรรา ประธานกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ