สภากทม. เตรียมพัฒนาคลองฝั่งตะวันออกเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ข่าวท่องเที่ยว Friday December 15, 2000 10:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--กทม.
คณะอนุกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและส่งเสริมการท่องเที่ยว สภากทม. เตรียมพัฒนาคลองฝั่งตะวันออกเป็นแหล่งท่องเที่ยว
นายกิตพล เชิดชูกิจกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตประเวศ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน และส่งเสริมการท่องเที่ยว สภากทม. เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมการท่องเที่ยว กทม. สำนักงานเขตวัฒนา สวนหลวง ประเวศ และลาดกระบัง จะดำเนินการพัฒนาคลองในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกทม. เป็นแหล่งท่องเที่ยว หลังจากที่กทม.เคยดำเนินการที่คลองบางกอกน้อย และตลาดน้ำตลิ่งชันมาแล้ว โดยเส้นทางที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงแรกตั้งแต่สะพานพระโขนง เขตวัฒนาถึงบริเวณใต้สะพานถนนวงแหวนรอบนอก เขตประเวศ ซึ่งเส้นทางนี้กรมทางหลวงสนับสนุนพื้นที่ให้ 50 ไร่ ช่วงที่ 2 จากบริเวณถนนใต้สะพานถนนวงแหวนรอบนอก เขตประเวศ ไปจนถึงสุดเขตลาดกระบัง และช่วงที่ 3 จากสุดเขตลาดกระบังต่อไปถึงแม่น้ำบางปะกง แต่ในเบื้องต้นจะทดลองดำเนินการช่วงแรกจาก สะพานพระโขนงถึงบริเวณใต้สะพานวงแหวนรอบนอกเขตประเวศก่อน ซึ่งจะใช้เวลา 3 ช.ม. ในการเดินทาง
นายกิตพล กล่าวต่อว่า สำหรับสถานที่ที่น่าสนใจในเส้นทางช่วงแรก ๆ ได้แก่ วัดมหาบุศย์ ตำนานแม่นาคพระโขนง ชุมชนเกาะปันหยี ที่ถูกน้ำเซาะจนกลายเป็นเกาะ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งวัดกระทุ่มเสือปลา บ้านลับหรือเซฟเฮ้าส์ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และสภาพความเป็นอยู่ดั้งเดิมของชาวบ้าน 2 ฝั่งคลอง ทั้งนี้จุดประสงค์สำคัญในการพัฒนานอกจากให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วยังจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนบริเวณนั้นด้วย เช่น จะประสานกับประชาชนริมคลองให้นำสินค้ามาจำหน่ายบริเวณจุดแวะชม รวมทั้งจะนำความโดดเด่นมาเสนอ อาทิ การทำสวนสมุนไพร และแพอาหารโดยให้ประชาชนทำอาหารมาจำหน่าย อีกทั้งจะจัดฝึกอาชีพ ฝึกอาชีพการสอนนวดฝ่าเท้า รวมถึงอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่นให้กับประชาชนด้วย
ส.ก.เขตประเวศ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการเตรียมปรับปรุงท่าเทียบเรือให้แข็งแรง ปลอดภัย คาดว่าประมาณ เดือนกุมภาพันธ์ จะเปิดรอบปฐมฤกษ์ได้ ซึ่งเมือเปิดดำเนินการตามโครงการดังกล่าวแล้วจะช่วยให้ประชาชนมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าและนักท่องเที่ยวที่แวะชมตามบ้านหรือ จุดที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงเจ้าของเรือและมัคคุเทศก์ก็มีรายได้จากการนี้ด้วย
ทั้งนี้งบประมาณที่ใช้ดำเนินการมาจากงบแปรญัตติของตนที่ตั้งไว้ในส่วนพัฒนาการท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง ร่วมกับการสนับสนุนจากภาคเอกชน และประชาชน อีกส่วนหนึ่ง สำหรับอัตราค่าท่องเที่ยวตามเส้นทางดังกล่าวคาดว่าประมาณ 300 บาท ต่อคน และหวังว่าโครงการนี้จะได้รับการตอบรับจากประชาชน เพราะปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กำลังเป็นที่นิยมอยู่--จบ--
-นศ-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ