กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มอ่อนค่า แนะจับตานักลงทุนปรับพอร์ตตราสารหนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 11, 2017 19:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.95-34.25 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 34.08 ต่อดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลงมติด้วยเสียงเอกฉันฑ์ให้ตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามคาด เงินบาทกลับมาอ่อนค่าเนื่องจากมีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ในตลาดโลกและนักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยมูลค่า 2.0 พันล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 3.9 พันล้านบาท กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่าปัจจัยชี้นำหลักจะอยู่ที่การแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสช่วงกลางสัปดาห์ โดยข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ สร้างความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า มีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนสิ้นปี 2560 อย่างไรก็ดี แรงหนุนขาขึ้นของเงินดอลลาร์ยังขาดความต่อเนื่อง โดยอัตราค่าจ้างซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยสะท้อนถึงเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มขยับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเฟดจะยังระมัดระวังในการปรับสมดุลนโยบายต่อไป ส่วนการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศจี-20 รอบล่าสุดส่งผลกระทบจำกัดต่อตลาดการเงิน สำหรับปัจจัยในประเทศ การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 17 ติดต่อกันของกนง. สะท้อนมุมมองเชิงบวกของผู้ดำเนินนโยบายต่อภาคส่งออกและการบริโภค ขณะที่สัญญาณการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนยังขาดความชัดเจน และเงินเฟ้อยังหลุดกรอบเป้าหมายของกนง. กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์คาดว่าอาจมีบางช่วงที่ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จะปรับขึ้นแซงหน้าดอกเบี้ยนโยบายของไทยได้ชั่วคราว โดยเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 รอบในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่คาดว่า กนง.จะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยราวกลางปี 2561 เป็นอย่างเร็ว ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าเงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับสกุลเงินภูมิภาค แต่เตือนว่าเงินบาทมีโอกาสผันผวนได้สองทิศทางในระยะต่อไป ทั้งนี้ ปัจจัยที่ควรจับตามองอย่างใกล้ชิดคือ การปรับพอร์ตเพื่อลดสถานะการลงทุนในตราสารหนี้ของนักลงทุนทั่วโลก หลังธนาคารกลางสำคัญหลายแห่งส่งสัญญาณชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ