กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--พีอาร์ดีดี
สภาวะตลาดวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,259.36-1,264.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,950 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 150 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,800 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ17 อยู่ที่ 20,000 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 110 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,890 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.30 น. ของวันที่ 27/07/60)
แนวโน้มวันที่ 31 กรกฎาคม 2560
แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงมติตรึงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงในช่วง 1.00-1.25% ตามคาด ผลการประชุมสอดคล้องกับการประชุมประจำเดือนมิ.ย. ที่เฟดอาจลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และ MBS เป็นมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ก่อนที่จะเพิ่มวงเงินการลดงบดุลเป็น 5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส เป็นการบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับลดงบดุลในการประชุมเดือนก.ย. แต่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินกลับมาอ่อนค่าลงจนเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 13 เดือน จนปัจจัยนี้ส่งผลบวกต่อราคาทองคำแตะจุดสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ เพราะเฟดระบุว่า การปรับตัวของเศรษฐกิจจะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางในปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อในระยะใกล้ยังคงปรับตัวอยู่ต่ำกว่าระดับ 2% จึงทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะเลื่อนเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปสู่เดือนธ.ค.ปีนี้ และมีโอกาสที่เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานยิ่งขึ้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐจะต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว รวมทั้งเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีหน้า อย่างไรก็ตามเมื่อราคาทองคำขยับขึ้น ยังคงเห็นแรงขายทองคำสลับออกมา ขณะที่กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้ลดสัดส่วนการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ส่งผลลบกดดันราคาทองคำในประเทศ ทั้งนี้ รอยเตอร์จัดทำโพลล์โดยการสอบถามนักวิเคราะห์, เทรดเดอร์ และผู้จัดการกองทุน 12 รายในวันอังคารและวันพุธ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยผลการประชุมในวันพุธ พบว่า สถานะซื้อเงินบาทพุ่งขึ้นในช่วงสองสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 ก.ค. แสดงให้เห็นแนวโน้มค่าเงินบาทที่มีโอกาสแข็งค่าต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ให้รอเข้าซื้อหากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดบริเวณแนวรับ ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,244 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,266-1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าราคาทองคำสามารถทะลุผ่านแนวต้าน และรักษาระดับยืนเหนือกรอบราคาได้ แนะนำนักลงทุนที่ถือทองคำอยู่ให้ถือต่อไป ซึ่งราคาทองคำน่าจะสามารถขยับตัวขึ้นต่อไปได้ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถทำการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเช่นเดิม
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,254 (19,750บาท) 1,244 (19,600บาท) 1,232 (19,400บาท)
แนวต้าน 1,266 (19,950บาท) 1,274 (20,100บาท) 1,283 (20,250บาท)
GOLD FUTURES (GFQ17)
แนวรับ 1,254 (19,870บาท) 1,244 (19,720บาท) 1,232 (19,530บาท)
แนวต้าน 1,266 (20,070บาท) 1,274 (20,200บาท) 1,283 (20,340บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999