กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารมีผลประกอบการในไตรมาส 1 เป็นกำไรสุทธิ จำนวน 609 ล้านบาท เทียบกับการขาดทุน 222 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปี 2542 และกำไรสุทธิ 219 ล้านบาทในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว
กำไรที่เกิดขึ้นเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลรับสุทธิหลังหักดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 3,476 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1,665 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 110 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินการที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 83 ล้านบาท
ผลประกอบการของธนาคารก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญมีกำไรจำนวน 2,406 ล้านบาท เทียบกับกำไร 548 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 1,306 ล้านบาท ในไตรมาสที่แล้ว
รายละเอียดของผลประกอบการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้
(1) ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิจากดอกเบี้ยจ่าย (ก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) ในไตรมาสนี้จำนวน 3,476 ล้านบาท ซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับในปีที่ผ่านมาดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
ไตรมาส 1/2543 3,476 ไตรมาส 1/2542 1,811
ไตรมาส 2/2542 2,328
ไตรมาส 3/2542 2,978
ไตรมาส 4/2542 3,479
ในไตรมาส 1/2543 ธนาคารมีนโยบายยกเลิกดอกเบี้ยค้างรับทั้งหมดของลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้เงินต้นหรือดอกเบี้ยครบ 3 เดือน ทำให้ดอกเบี้ยรับของไตรมาส 1 ลดลงจากไตรมาส 4/2542 จำนวน 438 ล้านบาท (หากธนาคารใช้เกณฑ์เดียวกับปี 2542 อย่างสม่ำเสมอแล้ว รายได้ดอกเบี้ยรับและเงินปันผลสุทธิในไตรมาสนี้จะมีจำนวน 3,913 ล้านบาท)
รายได้ดอกเบี้ยรับและเงินปันผลสุทธิมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากการแก้ไขหนี้มีปัญหามีความคืบหน้ามาเป็นลำดับทำให้ลูกหนี้มีปัญหาสามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริหารต้นทุนดอกเบี้ยและรายได้ดอกเบี้ยด้วยความระมัดระวัง ทำให้สามารถได้รับผลตอบแทนจากเงินระยะสั้นได้ดีขึ้น
(2) ธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 2,289 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกันของปี 2542 : 2,180 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจำนวน 110 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการขายและตีราคาหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจำนวน 314 ล้านบาท อย่างไรก็ตามกำไรจากการปริวรรตได้ลดลงจำนวน 233 ล้านบาทตามผลของค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนลดลง และปริมาณธุรกรรมเงินกู้และเงินโอนต่างประเทศของลูกค้าที่ลดลง
(3) ธนาคารมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานในไตรมาสนี้ จำนวน 3,359 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 83 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการที่ค่าใช้จ่ายด้านการพนักงานลดลง
(4) ธนาคารตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 1,797 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 770 ล้านบาท) โดยเป็นการตั้งเพิ่มเติมจากเกณฑ์ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามหลักความระมัดระวังยิ่งขึ้น ในภาวะที่ปัญหาคุณภาพสินเชื่อยังไม่หมดไป
งบดุล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2543
ธนาคารมีสินเชื่อก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 483,065 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากสิ้นปี 2542 จำนวน 5,433 ล้านบาท และมีดอกเบี้ยค้างรับจำนวน 3,430 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากสิ้นปี 2542 จำนวน 540 ล้านบาท
ธนาคารมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์จำนวน 113,739 ล้านบาท โดยมีค่าเผื่อการด้อยค่าจำนวน 2,688 ล้านบาท มีกำไรที่ยังไม่ได้รับรู้และแสดงไว้ในส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 3,360 ล้านบาท
ธนาคารมียอดเงินฝาก 577,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2542 จำนวน 14,533 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.5
ธนาคารมีส่วนของผู้ถือหุ้น 56,327 ล้านบาทมีเงินกองทุนตามกฎหมาย (ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2) รวม 73,406 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 14.9 ของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเป็นส่วนของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ประมาณร้อยละ 9.9 ของสินทรัพย์เสี่ยง--จบ--
-อน-