กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
การขับรถในช่วงฤดูฝนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าปกติ เนื่องจากสภาพถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน โดยเฉพาะหากผู้ขับขี่ไม่ตรวจสอบและดูแลอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะการเตรียมอุปกรณ์ประจำรถให้พร้อมขับรถในช่วงฤดูฝน ดังนี้
ใบปัดน้ำฝน
- ตรวจสอบใบปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน กวาดน้ำได้สะอาด ไม่มีรอยขุ่นมัว เนื้อยางไม่แห้งกรอบ และไม่มีเสียงดังขณะใช้งาน
- เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนทุกปี โดยใบปัดมีขนาดเหมาะสมตามมาตรฐานที่รถกำหนด โครงทำจากโลหะ และเนื้อยาง มีคุณภาพดี
- ไม่ใช้งานใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพ เพราะนอกจากจะไม่สามารถกวาดน้ำบนกระจกได้หมดแล้ว ยังทำให้กระจกหน้ารถเป็นรอย ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน
กระปุกน้ำฉีดกระจก
- ตรวจสอบกระปุกน้ำฉีดกระจก มิให้มีรอยรั่วซึม หัวฉีดน้ำไม่อุดตัน สายยางไม่แห้งกรอบ และไม่มีรอยฉีกขาด
- เติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำให้เพียงพอต่อการใช้งาน โดยผสมน้ำยาเช็ดกระจกหรือแชมพูลงในน้ำเล็กน้อย จะช่วยขจัดคราบสกปรกบนกระจกได้สะอาดมากขึ้น
ยางรถยนต์
- ตรวจสอบยางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ดอกยางละเอียด และมีความสูงไม่ต่ำกว่า 2.5 มิลลิเมตร หน้ายางไม่สึกหรอ ไม่มีรอยปริ แตก ปูด บวม หรือหลุดร่อน ร่องยางมีความลึกไม่ต่ำกว่า 2 มิลลิเมตร
- หากยางเสื่อมสภาพให้เปลี่ยนยางใหม่ เพราะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการควบคุมพวงมาลัย การทรงตัว และการหยุดรถ
- เติมแรงดันลมยางให้มากกว่าปกติ 2 – 3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว จะทำให้หน้ายางแข็งขึ้น จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำและยึดเกาะถนน
สัญญาณไฟ
- ตรวจสอบสัญญาณไฟให้มีแสงไฟส่องสว่างทุกดวง ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอก ไฟสูง และไฟเลี้ยว
- ปรับตั้งลำแสงให้ส่องในระดับที่เหมาะสม โดยอยู่ในระดับเดียวกันทั้ง 2 ข้าง ไม่สูงหรือต่ำเกินไป
- ทำความสะอาดโคมแก้วครอบสัญญาณไฟ มิให้เป็นคราบเหลืองหรือขุ่นมัว จะช่วยให้แสงไฟส่องสว่างมากขึ้น
- หากหลอดไฟชำรุดให้เปลี่ยนใหม่ เพราะหากฝนตกหนักจะมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจนและผู้ขับรถคันอื่นมองไม่เห็นรถเรา
- เลือกใช้ไฟหน้าที่มีแสงสีเหลือง จะส่องสว่างได้มากกว่าและสะท้อนแสงน้อยกว่า
ระบบเบรก
- ตรวจสอบระบบเบรกให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยหยุดรถได้ในระยะทางที่ปลอดภัย ไม่มีเสียงดัง รถไม่มีอาการปัด และไม่มีรอยรั่วซึมของน้ำมันเบรก
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกตามระยะที่กำหนด ทุกระยะทาง 20,000 – 40,000 กิโลเมตร หรือทุก 1 – 2 ปี
- ตรวจสอบผ้าเบรกและสายเบรก โดยผ้าเบรกต้องไม่สึกหรอ และมีความหนาเพียงพอที่สามารถหยุดรถได้ในระยะที่ปลอดภัย
- หากระบบเบรกชำรุดหรือมีอาการผิดปกติ ให้นำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมระบบเบรก จะทำให้หยุดรถได้อย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินไว้ประจำรถ อาทิ ยางอะไหล่ สายพ่วงแบตเตอรี่ แม่แรง ชุดอุปกรณ์ลาก พ่วง จูง ไฟฉาย สเปรย์ไล่ความชื้น รวมถึงเรียนรู้วิธีการใช้งานและตรวจสอบอุปกรณ์ฉุกเฉินให้อยู่ในสภาพ พร้อมใช้งาน จะได้สามารถนำมาแก้ไขสถานการณ์ในเบื้องต้นกรณีรถเสียหรือเกิดเหตุฉุกเฉินในช่วงฝนตก