ผู้เชี่ยวชาญด้าน Online Payment เผย Blockchain จะมีบทบาทอย่างยิ่งในอนาคต

ข่าวเทคโนโลยี Friday October 27, 2017 12:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--studio mango ภายในงานแสดงศักยภาพการให้บริการโทรคมนาคมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี CAT NETWORK SHOWCASE 2017 ซึ่งบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ผู้นำการให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศไทย จัดขึ้นภายใต้แนวความคิด Thailand 4.0 Let's Rock เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดย CAT ได้รวบรวมสุดยอดผู้เชี่ยวชาญจากวงการไอที หมุนเวียนกันมาให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ ตลอดทั้งวัน ในการนี้ คุณสุวิชา นะลิตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท TreePay ประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้าน Online Payment ได้กล่าวถึง เทคโนโลยี Blockchain ในอนาคตไว้อย่างน่าสนใจ "นับตั้งแต่ นักพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ผู้ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ (SATOSHI NAKAMOTO) นำเสนอสกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า bitcoin ในปี 2008 ซึ่งถือเป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกเรียกว่า คริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสกุลเงินที่เป็นอิสระจากรัฐบาลและธนาคาร, สามารถส่งหากันผ่านระบบอินเทอร์เนตและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกมาก นำมาใช้ใน online payment โดยไม่มีคนกลาง ทำให้ bitcoin ได้รับการกล่าวถึง และเป็นการจุดประกายความสนใจของคนทั่วโลก โดยล่าสุดมีมูลค่า กว่า 1 ล้านล้าน ยูเอสดอลล่าร์ และนั่นทำให้โลกรู้จัก platform ของ Bitcoin ที่เราเรียกกันว่าบล็อกเชน (Blockchain)" "Blockchain ถือเสมือนเป็นระบบปฏิบัติการแบบใหม่ที่เกิดขึ้น โดยมีหลักการทำงานคือ การแชร์ข้อมูลร่วมกันบนเครือข่าย ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลของแต่ละคนบนเครือข่ายได้เหมือนกันหมด เมื่อมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างคนใดคนหนึ่งในระบบ ทุกคนสามารถที่จะรับรู้และเป็นพยานในกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดความปลอดภัย และเกิดความโปร่งใสในระบบ โดยก่อนหน้านี้ Blockchain ถูกใช้สำหรับ Cryptocurrency ซึ่งมีอยู่อยู่ราวๆ 1000 กว่าสกุล นับเป็นเพียง 1% ของศักยภาพของระบบนี้เท่านั้น เนื่องจาก Blockchain สามารถทำธุรกรรมระหว่างบุคคลหรือกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม่ต้องมีคนกลาง จึงทำให้การดำเนินธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบธุรกรรมแต่ละรายการได้ จึงสามารถสร้างความโปร่งใสในการทำธุรกรรมและการดำเนินธุรกิจ แนวคิดของบล็อกเชนคือ ข้อมูลจะต้องมีความปลอดภัย มีการเผยแพร่ และบันทึกไว้ในทุกที่อย่างเป็นธรรม เพื่อป้องกันการปลอมแปลงโดยมิชอบ จึงเรียกได้ว่าเทคโนโลยี Blockchain ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ของในการยืนยันตน และยืนยันสิทธิ เพื่อทำธุรกรรมดิจิทัลอย่างปลอดภัยและถูกต้อง และด้วยความสามารถเหล่านี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นตรงกันว่าในอีก 5 ปี ข้างหน้า เราน่าจะเห็น Blockchain อยู่ในหลายๆ ระบบที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของมนุษย์ นอกเหนือจากด้านการเงิน เพราะนอกจาก Blockchain จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการใช้ประโยชน์จาก IoT แล้ว ด้วยตัวระบบเอง ยังเอื้อประโยชน์ในการประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบอีกด้วย ทั้งนี้หน่วยงานภาครัฐในหลายๆ ประเทศ อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เริ่มมีนโยบายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาปรับใช้เพื่อประโยชน์ต่อการทำงานของภาครัฐ และเมื่อดูจากสถิติของ Start up จากทั่วโลก ที่ใช้ระบบ Blockchain ในการพัฒนา Application ซึ่งเติบโตถึง 3 เท่าในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือนแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน เราน่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มที่" นับได้ว่า "Blockchain" เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่เกิดขึ้นซึ่งมาสร้างความเปลี่ยนแปลงในทุกส่วนของภาคอุตสาหกรรม ดังนั้นการศึกษา สร้างการรับรู้ การเตรียมความพร้อม และการสร้างความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะกลายเป็นข้อได้เปรียบของผู้ประกอบการในการคว้าโอกาสใหม่ ๆ เหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการธุรกิจได้อย่างทันยุคสมัยและเกิดประโยชน์มากที่สุด ทั้งนี้ ทรีเพย์ ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากร่วมทุนระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT จากประเทศไทย ,บริษัท SK Telecom และ NHN KCP จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งดำเนินธุรกิจด้าน Payment Gateway และ e-Business อย่างครบวงจร ก็อยู่ระหว่างการศึกษาเทคโนโลยี Blockchain เพื่อนำมาพัฒนาและใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ