กฟผ.ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ เพื่อเข้าตรวจซ่อมก่อนเดินเครื่องอีกครั้ง

ข่าวทั่วไป Tuesday June 6, 2000 14:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--กฟผ.
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยืนยันว่า ก่อนที่ กฟผ. จะเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเขื่อนปากมูลนั้น จะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอุปกรณ์ของโรงไฟฟ้าทั้งหมด และกลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องเคลื่อนย้ายออกไปจากพื้นที่บริเวณโรงไฟฟ้าเขื่อนปากมูลก่อน เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการทำงานของเจ้าหน้าที่
นายอำนาจ โชติช่วง ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนแล้วนั้น กฟผ.ก็ได้ยื่นหนังสือฉบับที่ 5 ไปยังกลุ่มสมัชชาคนจน เพื่อขอส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจซ่อมบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าเขื่อนปากมูลอีกครั้งตามข้อตกลงที่กลุ่มผุ้ชุมนุมตั้งเงื่อนไขไว้ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังไม่ย้ายออกไปจากบริเวณโรงไฟฟ้า ทำให้ กฟผ. ยังไม่สามารถเข้าไปทำงานได้
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ กฟผ. กล่าวว่า การเข้าไปซ่อมบำรุงรักษาโรงไฟฟ้านั้น จำเป็นต้องตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งภายนอกและภายในโรงไฟฟ้าโดยละเอียด เนื่องจากโรงไฟฟ้าถูกยึดไว้เป็นเวลานานกว่า 20 วัน และหยุดเดินเครื่องต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว ซึ่งในการตรวจสอบจำเป็นต้องใช้พื้นที่ภายนอกโรงไฟฟ้าทั้งหมด เพราะ กฟผ. จำเป็นต้องตรวจสอบอุปกรณ์ควบคุมเครน และระบบขับเคลื่อนตลอดจนระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดใหญ่เพื่อใช้งานในการตักสวะหรือขยะที่ติดหน้าเขื่อนออก และส่งนักประดาน้ำดำน้ำลงไปตรวจประตูรับน้ำเข้าโรงไฟฟ้าที่บริเวณใต้น้ำ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าปลอดภัยและมีความพร้อมในการเดินเครื่องอีกครั้งหนึ่ง กฟผ. จึงขอร้องใช้ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกไปจากพื้นที่บริเวณโรงไฟฟ้า เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการทำงานของเจ้าหน้าที่
ส่วนการตรวจสอบบำรุงรักษาอุปกรณ์ภายในโรงไฟฟ้านั้น จะต้องตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมด ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องกล ไฟฟ้า ระบบควบคุมการเดินเครื่อง และเปิด-ปิดประตูระบายน้ำ ตลอดจนเปลี่ยนอุปกรณ์แปรงถ่าน (Carbon Brush) ซึ่งหมดอายุใช้งานแล้วด้วย
"โรงไฟฟ้าเขื่อนปากมูล มีความสำคัญต่อระบบผลิตและส่งไฟฟ้าของภาคอีสาน การชุมนุมและบุกรุกยึดโรงไฟฟ้าถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายด้าน รวมทั้งด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจการค้า และอุตสาหกรรม กฟผ. จึงขอวิงวอนให้กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเข้าใจภารกิจของ กฟผ. และร่วมกันหาทางออกที่ดีเพื่อนำความสงบสุขและมั่นคงกลับคืนสู่จังหวัดอุบลราชธานี และประเทศต่อไป " นายอำนาจ กล่าวเสริม
นางวรรณา สีแสง เจ้าของธุรกิจขายของที่ระลึกที่ตลาดช่องเม็ก ชายแดนไทยและประเทศลาวที่ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวบริเวณช่องเม็กน้อยมาก ทำให้บรรยากาศของช่องเม็กเงียบเหงากว่าปกติ ขายของได้น้อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ในช่วงวันหยุด จะมีนักท่องเที่ยวทั้งจากตัวจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดใกล้เคียงและจากกรุงเทพฯ เดินทางมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก ของขายดี มาตอนนี้มีแต่เสียงบ่นของร้านค้าต่าง ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงต้องชักชวนกันไปร้องเรียนกับทางราชการ จึงอยากจะฝากไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และรัฐบาลให้รีบหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่จะประสบปัญหาขาดทุนมากกว่านี้--จบ--
-นศ-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ