กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ นำเสนอผลการวิจัยจากการปฏิบัติการ ฝนหลวง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวง พร้อมทบทวนกระบวนการปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติการที่เป็นเลิศให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และเงื่อนไขการปฏิบัติงานจริง
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 เวลา 09.00 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและ การบินเกษตร มอบนโยบายแก่ผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาวิชาการงานวิจัยและถอดบทเรียนจากการปฏิบัติการฝนหลวง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 20 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมเดอะ รอยัลเจมส์ กอล์ฟ รีสอร์ท จ.นครปฐม พร้อมกล่าวว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีการจัดทำยุทธศาสตร์งานวิจัยด้านการดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อเป็นกรอบแนวทาง ในการดำเนินงานวิจัยของหน่วยงาน ในปี พ.ศ. 2559 – 2563 ซึ่งยุทธศาสตร์ด้านวิจัยและพัฒนาดังกล่าว มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยุทธศาสตร์งานวิจัยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยุทธศาสตร์วิจัยแห่งชาติ โดยการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัย เพื่อให้บุคลากรของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้เรียนรู้ทั้งทักษะพื้นฐาน และเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติการฝนหลวงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และนำไปสู่การดำเนินงานวิจัยและพัฒนาด้านการดัดแปรสภาพอากาศ ตามแผนยุทธศาสตร์งานวิจัยและพัฒนากรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปี 2559 - 2563
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการสัมมนาครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงานวิจัย ที่ได้ดำเนินการต่อยอดมาจากการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ และได้เพิ่มกิจกรรมการถอดบทเรียนจากการปฏิบัติการฝนหลวงในระหว่างการสัมมนา มีกลุ่มเป้าหมายคือเจ้าหน้าที่ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการฝนหลวง ที่จะนำเสนอและแบ่งปันประสบการณ์จากการทำงานร่วมกัน โดยการ- ถอดบทเรียน หรือ After Action Review จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ในทุกขั้นตอนของ การปฏิบัติการฝนหลวง และเป็นการประเมินผล ทบทวนแนวทางการปฏิบัติการฝนหลวง ปัญหาและอุปสรรค ในการปฏิบัติการในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติการที่เป็นเลิศ ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เกิดการเรียนรู้ร่วมกันของผู้เข้าร่วมการสัมมนา ตลอดจนการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และเงื่อนไขการปฏิบัติงานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป