กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนางสาวอูชัน เยสบูลาโตวา (Ms.Raushan Yesbulatova) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคาซัคสถาน ประจำประเทศไทย ว่า ประเด็นหารือสำคัญคือการขยายความร่วมมือทั้งในด้านวิชาการเกษตรและการค้าการลงทุนสินค้าเกษตรระหว่างกันเพิ่มขึ้น เนื่องจากคาซัคสถานเป็นกลุ่มประเทศใหม่ที่น่าสนใจ แม้ว่าที่ผ่านมาการค้าภาคการเกษตร ระหว่างไทยและคาซัคสถานอาจไม่ได้มีปริมาณการค้าที่มากนักเมื่อเทียบกับสาขาอื่นๆ แต่เชื่อว่าในอนาคตประเทศไทยและคาซัคสถานจะมีการพัฒนาการค้า สินค้าเกษตรระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น อาทิ สินค้าประมง สินค้าปศุสัตว์ อย่างแน่นอน โดยเริ่มจากกรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนวิชาการเกษตรระหว่างกัน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยินดีที่จะทำความร่วมมือด้านการเกษตรกับสาธารณรัฐคาซัคสถานในสาขาที่ประเทศไทยมีศักยภาพและเป็นความสนใจของทั้ง 2 ฝ่าย
ทั้งนี้ หากฝ่ายคาซัคสถานต้องการความช่วยเหลือด้านการเกษตรในด้านการแลกเปลี่ยน ข้อมูลด้านการเกษตร หรือความร่วมมือด้านการพัฒนาการเกษตร ฝ่ายไทยยินดีให้ความร่วมมือและความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยล่าสุดขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ระหว่างการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทยกับคาซัคสถาน ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายหาข้อสรุปได้ และเป็นที่ยอมรับระหว่างกันได้ บันทึกความเข้าใจดังกล่าวจะเป็นกรอบความร่วมมือด้านการเกษตรที่จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และการพัฒนา ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
"การค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยและคาซัคสถาน ปี 2557 - 2559 สาธารณรัฐคาซัคสถานเป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรอันดับ 176 ของไทย มีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตรกับไทยน้อยมาก โดยมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตร เฉลี่ยปี 2557 - 2559 จำนวน 58 ล้านบาท ซึ่งไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับคาซัคสถานมาโดยตลอดโดย ไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปคาซัคสถานมูลค่า 58 ล้านบาท ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าเกษตรจากคาซัคสถานในปี 2560 คิดเป็น 0.03 ล้านบาท สินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกไปคาซัคสถานที่สำคัญ ได้แก่ สินค้าประมง เช่น ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก สับปะรด เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากคาซัคสถานที่สำคัญ ได้แก่ เนื้อ นม ไข่ ซึ่งนำเข้าสำหรับทำพันธุ์ ขิง ขมิ้น เป็นต้น" นายกฤษฎา กล่าว