CPF จับมือม.เกษตรฯศึกษา 'แม่หอบโมเดล’เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ

ข่าวทั่วไป Tuesday January 30, 2018 15:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--ซีพีเอฟ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จับมือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ศึกษา "แม่หอบโมเดล" เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพันธุ์ไม้ในพื้นที่ป่าชายเลนมากกว่า 50 ชนิด รวมทั้ง นก แมลง และสัตว์ทะเลหน้าดิน ช่วยรักษาสมดุลธรรมชาติอย่างยั่งยืน แม่หอบ" เป็นสัตว์น้ำประเภทไม่มีกระดูกสันหลัง ลำตัวสีแดงเข้มอมน้ำตาลเป็นปล้อง ๆ ส่วนหัวมีขนาดใหญ่ พบมากในพื้นที่ป่าชายเลนทางภาคใต้ โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศโดยการย่อยสลายซากพืชและการสร้างจอมหอบซึ่งเกิดจากแม่หอบขุดรูขนดินออกมากองคล้ายลักษณะของจอมปลวกและบริเวณจอมหอบ เป็นที่ที่พันธุ์ไม้ป่าหลายชนิดใช้เกาะและเติบโตได้ดี นายเจษฎา วงค์พรหม นักวิจัยคณะวนศาสตร์ มก. กล่าวว่า คณะวนศาสตร์ ร่วมกับสถานีเพื่อการพัฒนาชายฝั่งอันดามันจังหวัดระนอง ของคณะประมง ทำการศึกษา "ความหลากหลายทางชีวภาพของป่าชายเลนกรณีแม่หอบ" บริเวณแปลงปลูกป่าชายเลนของซีพีเอฟ จังหวัดพังงา จำนวน 54.72 ไร่ พบว่า 'แม่หอบ'ช่วยเพิ่มความหลากหลายของพันธุ์ไม้ในพื้นที่ และช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูป่าชายเลนให้เร็วขึ้น จากการที่มีไม้ป่าบกเกิดขึ้นทดแทนตามธรรมชาติในบริเวณจอมหอบ "แม่หอบจะมีการสร้างจอมหอบโดยการนำดินและอินทรียวัตถุที่อยู่ใต้ดินมากองไว้บนปากรู จนเป็นจอมหอบขนาดใหญ่ จอมหอบดังกล่าวจะมีพันธุ์ไม้ป่าบกขึ้นมาทดแทน โดยรูปแบบโครงสร้างของจอมหอบสามารถนำไปใช้ในการฟื้นฟูป่าในพื้นที่ป่าพรุ หรือการฟื้นฟูบ่อกุ้งร้างที่ดินเสื่อมโทรมและมีน้ำท่วมสูงเป็นเวลานาน ดังนั้นการปรับสภาพพื้นที่ให้คล้ายจอมหอบแล้วปลูกต้นไม้เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ควรนำมาประยุกต์ใช้ในการฟื้นฟูป่าหรือเรียกว่าแม่หอบโมเดล" อาจารย์คณะวนศาสตร์ มก. กล่าว นายเจษฎา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พันธุ์ไม้ป่าชายเลนที่ขึ้นเองตามธรรมชาติและเติบโตได้ดีบนจอมหอบ เช่น ฝาดดอกแดง ลำบิด พลับทะเล ตาตุ่มทะเล ปอทะเล หงอนไก่ทะเล และหลุมพอทะเล เป็นพันธุ์ไม้ที่ควรนำมาขยายพันธุ์เพื่อปลูกบนจอมหอบ ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูป่าชายเลนและเพิ่มความหลากหลายของพันธุ์ไม้ในพื้นที่ นอกจากนี้ พื้นที่ปลูกป่าชายเลน บริเวณบ้านทับปลา ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ความสำคัญและชนิดของแม่หอบ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ป่าชายเลนที่มีมากถึง 52 ชนิดและแหล่งเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพของพันธุ์ไม้ อาทิ "ฝาดดอกแดง" ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ป่าชายเลนที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ มีรูปทรงและดอกสวยงาม สามารถนำไปเพาะขยายพันธุ์เพื่อปลูกเป็นไม้ประดับและจำหน่าย เป็นการสร้างรายได้แก่คนในท้องถิ่นอีกทางหนึ่ง นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) ภาคประชาสังคมและชุมชน ดำเนินโครงการ "ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้องป่าชายเลน"ภายใต้แผน 5 ปี (ปี 2557-2561) กำหนดพื้นที่ปลูกป่าชาย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ