เอกชนรายใหญ่ขานรับนโยบายรัฐ แก้วิกฤตน้ำมันแพง เปิดตัว โมนิก้า-เออีซี นำเข้าเครื่องยนต์เอ็นจีวี เน้นกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งก่อน

ข่าวทั่วไป Friday November 9, 2007 10:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--เดอะ เรด คอมมูนิเคชั่น
ปัญหาน้ำมันแพงแผลงฤทธิ์ หวั่นเศรษฐกิจทรุดอีกรอบ ภาครัฐร่วมเอกชนเร่งหาทางออก ล่าสุด 3 เอกชนรายใหญ่จับมือเปิดบริษัท โมนิก้า-เออีซี นำเข้าเครื่องยนต์เอ็นจีวี หวังช่วยแก้ปัญหาชาติ เน้นกลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง รถโดยสาร รถบรรทุก ก่อน ด้านภาครัฐพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ เว้นภาษีการนำเข้าเครื่องยนต์ เอ็นจีวี ถึงปี 2551
นาย จำรัส วิโรจนาภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โมนิก้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงที่มาของความร่วมมือกับบริษัท อิโตชู ประเทศไทย และบริษัท เออีซี ประเทศออสเตเลีย ในการจัดตั้งบริษัท โมนิก้า-เออีซี จำกัด เพื่อนำเข้าเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทนและเครื่องยนต์เอ็นจีวี ว่า จากการหารือถึงปัญหาน้ำมันแพงที่ส่งผลต่อต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ประกอบการขนส่ง รถโดยสาร รถบรรทุกสินค้า และรถยนต์ทั่วไป ทำให้เราซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน เกิดแนวคิดในการช่วยเหลือภาคธุรกิจและประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว โดยนำเครื่องยนต์เอ็นจีวี ที่มีคุณภาพมาตรฐานและประหยัดพลังงานเข้ามาจัดจำหน่าย ซึ่งภาครัฐเองก็ให้การสนับสนุนด้วยการปลอดภาษีนำเข้าเครื่องยนต์เอ็นจีวี จนถึงสิ้นปี 2551 แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง ที่จะขยายระยะเวลาปลอดภาษีออกไปอีก เนื่องจากเห็นว่าจะเป็นผลดีต่อประเทศในการช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน และปลอดมลพิษ
ส่วนเครื่องยนต์เอ็นจีวี ที่นำมาเข้ามาจำหน่ายนั้น ทางบริษัท โมนิก้า-เออีซี จำกัด ได้ตกลงทำสัญญากับ บริษัท เวย์ฉ่าย พาวเวอร์ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องยนต์เอ็นจีวี รายใหญ่จากประเทศจีน ซึ่งมีกำลังการผลิตกว่า 300,000 เครื่องต่อปี โดยเครื่องยนต์เอ็นจีวี ที่นำเข้ามานั้น ใช้เทคโนโลยี “STEYR” และ “Deautz” ของยุโรป และมีการติดตั้งชุดควบคุมที่เรียกว่า Engine Control Unit : ECU ของบริษัท เออีซี ประเทศออสเตรเลีย สามารถช่วยลดปริมาณการใช้ เอ็นจีวี ได้ถึง 18% สำหรับจุดเด่นของเครื่องยนต์คือการถูกออกแบบมาสำหรับใช้ เอ็นจีวี โดยตรง ทำให้ใช้งานได้เต็ม
ประสิทธิภาพ ดูแลรักษาง่าย ทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐาน EURO III พร้อมกับขณะนี้กำลังทดสอบเพื่อรับรองมาตรฐาน EURO IV อีกด้วย ด้านขนาดของเครื่องยนต์นั้นมีตั้งแต่ 160-375 แรงม้า ซึ่งทำให้สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของการใช้งาน พร้อมทั้งมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่า 800,000 กิโลเมตร
สำหรับกลุ่มเป้าหมายแรกที่บริษัทฯ วางไว้ในการเข้าไปให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวี ก่อนนั้น จะเป็นกลุ่มของผู้ประกอบการขนส่งขนาดใหญ่ ประเภทรถบรรทุกสิบล้อขึ้นไป ทั้งหัวลากและรถขนส่ง ชนิด 2 และ 3 เพลา ที่มีน้ำหนัก 45 ตันขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มใหญ่ที่ใช้น้ำมันมากและมีปริมาณของรถมากกว่า 300,000 คัน ทั่วประเทศ โดยราคาของเครื่องยนต์จะอยู่ที่ประมาณเครื่องละ 350,000-850,000 บาท ส่วนค่าติดตั้งจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับระยะทางที่ใช้งานและจำนวนถังก๊าซ ด้านศูนย์บริการลูกค้านั้น ก็ได้มีการจัดเตรียมไว้หลายแห่ง อาทิ ศูนย์บริการและติดตั้ง ปทุมธานี, สระบุรี และกำลังจะเปิดศูนย์บริการและติดตั้งแห่งใหม่ ที่แหลมฉบัง (ศรีราชา) จ.ชลบุรี
นาย จำรัส กล่าวเพิ่มเติมถึงเป้าหมายในการติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวี แก่ผู้ประกอบการขนส่งว่า ในปีแรกจะสามารถติดตั้งได้ประมาณ 1,000 เครื่อง และขยายเพิ่มขึ้นประมาณ 30-50 % ในปีต่อไป ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวี นั้น มีส่วนในการช่วยประเทศอย่างมาก เนื่องจากสามารถทำให้ลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศลงได้ ทำให้การขาดดุลทางการค้าลดลง อีกทั้ง เอ็นจีวี เป็นผลิตผลจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดและไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
นำเสนอข่าวโดยบริษัท เดอะ เรด คอมมูนิเคชั่น จำกัด
รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ที่คุณกัมปนาท ถวัลย์กิจดำรงค์ (หนุ่ม) โทร. 081-991-3223

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ