อัลลอย เอ็มทีดี เตรียมเปิดตัว “เซาธ์ ทาวเวอร์ แอท วัน คราวน์ เพลส” เรสซิเด้นซ์สุดหรูใจกลางลอนดอน โฟกัสนักลงทุนไทย ชูจุดขายทำเลมหานครระดับโลก

ข่าวอสังหา Tuesday February 6, 2018 16:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ก.พ.-- กลุ่มบริษัทอัลลอย เอ็มทีดี (AlloyMtd) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระดับโลก จากประเทศมาเลเซีย เตรียมเปิดขาย "เซาธ์ ทาวเวอร์ แอท วัน คราวน์ เพลส" (The South Tower at One Crown Place) เรสซิเด้นซ์สุดหรู ภายในโครงการมิกซ์ยูส "วัน คราวน์ เพลส" ใจกลางลอนดอน เจาะตลาดพร้อมเปิดโอกาสนักลงทุนไทยเป็นแห่งแรกในเอเชีย เปิดขายรอบพิเศษ 10 – 11 มีนาคมนี้ ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ผู้สนใจลงทะเบียนและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ CBRE ประเทศไทย "วัน คราวน์ เพลส" โครงการมิกซ์ยูสสุดหรู ตั้งอยู่บน "ซันสตรีท" (Sun Street) เขตอนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์ของ กรุงลอนดอน ประกอบด้วย อพาร์ตเมนต์ที่อยู่อาศัย 246 ยูนิต, โรงแรมบูติคระดับ 5 ดาว, พื้นที่อาคารสำนักงานระดับพรีเมี่ยมขนาด 130,900 ตารางเมตร (140,000 ตารางฟุต), พื้นที่ร้านค้า 650 ตารางเมตร (7,000 ตารางฟุต) และระเบียงจอร์เจีย (Georgian Terrace) อันเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะมาอย่างต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของ ตัวโครงการฯ โดยมีราคาราคาเริ่มต้นที่ 39,500,000 บาท หรือ 888,000 ปอนด์ สำหรับห้องชุดประเภท 1 ห้องนอน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเข้าอยู่ได้ภายในปี 2563 ที คิม เซียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอัลลอย เอ็มทีดี เปิดเผยว่า "การเปิดตัวของเซาธ์ ทาวเวอร์ แอท วัน คราวน์ เพลส เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับเรา และแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของสุดยอดโครงการที่เป็นแลนด์มาร์คแห่งนี้ โครงการนี้นับเป็นมิกซ์ยูสอย่างแท้จริง ซึ่งได้นำเสนอมาตรฐานสูงสุดทั้งด้านที่อยู่อาศัยและ ไลฟ์สไตล์ ด้วยการออกแบบของนักออกแบบชั้นนำชาวอังกฤษ ที่สร้างสรรค์ให้เป็นศูนย์กลางการทำงานแห่งยุคสมัย และแหล่งเติมเต็มชีวิตในทุกๆ วัน บนทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของมหานครลอนดอน โดยคนไทยจะเป็นหนึ่งในผู้ลงทุน กลุ่มแรกๆ ที่ได้มีโอกาสจับจองโครงการที่โดดเด่นที่สุดแห่งนี้" โครงการ "วัน คราวน์ เพลส" ออกแบบโดย Kohn Pedersen Fox Associates (KPF) บริษัทออกแบบเจ้าของรางวัลชนะเลิศด้านสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติ ประกอบด้วย อาคารสูงตระหง่าน 2 อาคาร มีชั้นสูงสุดอยู่ที่ชั้นที่ 33 ทั้งสองอาคาร โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของ "ระเบียงจอร์เจีย" ที่สวยงาม ซึ่งเป็นที่สุดท้ายในละแวกนี้ที่ได้รับการบูรณะให้ยังคงความสมบูรณ์ของสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ซึ่งจะกลายเป็นคลับเฮาส์ของผู้อยู่อาศัยและโรงแรมบูติคระดับ 5 ดาว มิกซ์ยูสระดับซูเปอร์ไฮเอนด์แห่งนี้ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับเวิลด์คลาสสำหรับผู้อยู่อาศัย ภายใต้การดูแลความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ให้ความรู้สึกของแหล่งชุมชนที่มีสีสันและในขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นส่วนตัว โดยสิ่งอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย ห้องออกกำลังกายที่ทันสมัย, ห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัว, เลาจน์, โรงหนังขนาดเล็ก, ห้องทรีทเมนต์, สตูดิโอ และระเบียงชมวิวกว้างขวาง นอกจากนั้น แต่ละห้องชุดยังเต็มไปด้วยพื้นที่รับแสงธรรมชาติ (Light-Filled Space) ที่อบอุ่นและมีเสน่ห์อีกด้วย ทั้งนี้ พื้นที่ส่วนกลางและภายในอพาร์ตเมนต์ของ "วัน คราวน์ เพลส" ได้รับการออกแบบโดยบริษัทตกแต่งภายในที่มีชื่อเสียงอย่าง Bowler James Brindley ในขณะที่เพนเฮ้าส์ 9 หลัง ถูกออกแบบโดย Sophie Ashby แห่ง Studio Ashby "วัน คราวน์ เพลส" ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยชื่อดังและใกล้ย่านบริษัทชั้นนำของลอนดอนหลายแห่ง นอกจากนั้น ยังอยู่ในทำเลที่ตั้งของการคมนาคมท้องถิ่นหลายเส้นทาง รวมถึงเส้นทางใหม่ Elizabeth Line Rail (Crossrail) ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้ ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินฮีทโทรว (Heathrow Airport) เพียง 33 นาที และสามารถเดินทางไปยังแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำของโลก อาทิ Bond Street, Broadgate Circle, Old Silicon Roundabout, Spitalfields Market และ Shoreditch ศูนย์กลางการสร้างสรรชื่อดัง เพียง 7 นาทีเท่านั้น เฮนรี่ โรบินสัน กรรมการบริหารและพัฒนาโครงการ วัน คราวน์ เพลส กล่าวว่า "ลอนดอนคือเมืองระดับโลกที่เป็น ที่ต้องการระดับนานาชาติอย่างแท้จริง เรามั่นใจว่า โครงการระดับเวิลด์คลาสแห่งนี้ จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั้งในสหราชอาณาจักรและจากทั่วโลกได้เป็นอย่างดี" ทั้งนี้ กฎหมายของสหราชอาณาจักรทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้ง่าย การถือครองกรรมสิทธิ์แบบเช่าซื้อ (Leasehold) ที่มีระยะเวลายาวนานถึง 999 ปี ซึ่งทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย แต่ยังดึงดูดผู้ซื้อจากทั่วโลกที่เน้นการลงทุนอีกด้วย ดังนั้น นักลงทุนไทยจะมีโอกาสได้รับผลกำไรจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน โดยเฉพาะผู้ที่ส่งบุตรหลาน ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งจากผลสำรวจที่ผ่านมา นักเรียนไทยเป็นนักเรียนชาวต่างชาติที่เข้ามาศึกษา ในสหราชอาณาจักรมากเป็นอันดับที่ 7 จากทั่วโลก และมักใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 4 หรือ 5 ปี ซึ่งกลายเป็นแรงจูงใจ ในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มค่ากว่าการเช่าห้องพัก นอกจากนี้ หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นจะยังสามารถได้รับผลตอบแทนจากการเติบโตอย่างยั่งยืนของเงินทุนระยะยาวในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอน ผลจากการศึกษาและวิจัยตลาด แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามูลค่าของห้องชุดที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทำเลที่ตั้งที่สำคัญ เช่น ศูนย์กลางของกรุงลอนดอน ส่งผลให้มีการเติบโตของเงินทุนที่แข็งแกร่งซึ่งคาดว่า จะเพิ่มขึ้นถึง 16.7% ภายในปี 2564 ตามตัวเลขการวิจัยของ CBRE ซึ่งนับเป็นผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ทองคำ น้ำมัน และตลาดหุ้น นักลงทุนไทยและนักลงทุนรายอื่นๆ จากทั่วโลกมีความสนใจที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอน เนื่องจาก สหราชอาณาจักรเป็นที่พำนักที่ปลอดภัยด้วยระบบกฎหมายที่โปร่งใส มีเขตเวลาที่เหมาะสำหรับการติดต่อสื่อสาร และการพาณิชย์ระหว่างประเทศ, อุปทานของที่อยู่อาศัยยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้ตลาดมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง, ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมอันยาวนานของกรุงลอนดอน และการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล โดยเมื่อเร็วๆ นี้จำนวนนักลงทุนในภูมิภาคเอเชียมีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์ "วัน คราวน์ เพลส" พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทอัลลอย เอ็มทีดี (AlloyMtd Group) โดยมี ซีบีอาร์อี (CBRE) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการฝ่ายพัฒนาและบริหารงานขายสำหรับห้องชุดที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม เกี่ยวกับอัลลอย เอ็มทีดี กรุ๊ป (AlloyMtd Group) กลุ่มบริษัท อัลลอย เอ็มทีดี เป็นกลุ่มบริษัทในเครือชั้นนำระดับโลกด้านงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ งานวิศวกรรมและงานก่อสร้าง การผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับพรีคาสท์, ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน (ตั้งแต่ทางหลวงไฮท์เวย์ ท่าเรือ ไปจนถึงโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน) และการดำเนินงานและการบำรุงรักษาระบบ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และมีสาขามากกว่า 15 ประเทศทั่วโลก อัลลอย เอ็มทีดี กรุ๊ป เป็นผู้นำระดับแนวหน้าด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศ ผลงานที่โดดเด่นประกอบด้วย ได้แก่ "Blue Horizon Resort" บนหาดแอร์ลีย์ หมู่เกาะวิตซันเดย์ ควีนส์แลนด์, "Six Murphy Street" ในเซาท์ ยาราเมลเบิร์น และ "Tanduk 5 Residency" โครงการบูติกใน บังซา ประเทศมาเลเซีย, "Calabarzon Regional Government Centre" (CRGC) ในลากูน่า ประเทศฟิลิปปินส์, การพัฒนาระบบท่อส่งน้ำ ได้แก่ Damansara Heights Residences และ Rockley in Toorak Road ในเซาท์ ยารา เมลเบิร์น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ alloymtd.com เกี่ยวกับ ซีบีอาร์อี กรุ๊ป (CBRE Group) ซีบีอาร์อี กรุ๊ป มีสำนักงานใหญ่อยู่ในลอสแองเจลลิส เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก (พิจารณาจากผลประกอบการในปี 2559) ด้วยบุคลากรมากกว่า 70,000 คน ในสำนักงาน 400 กว่าสาขาทั่วโลก (ไม่รวมบริษัทในเครือ) ซีบีอาร์อี ให้บริการแบบครบวงจร รวมถึงให้บริการด้านการทำธุรกรรมและการจัดการโครงการ การบริหารทรัพย์สิน การให้คำแนะนำด้านการลงทุน การประเมินราคาทรัพย์สิน การปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ การให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ การขายอสังหาริมทรัพย์ และบริการด้านการพัฒนาโครงการด้วยมาตรฐานระดับสากล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ cbre.com เกี่ยวกับ KPF Kohn Pedersen Fox Associates (KPF) คือสถาบันด้านสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติ มีสำนักงานอยู่ ในกรุงลอนดอน นิวยอร์ค ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ โซล และอาบูดาบี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 ผลงานที่กว้างขวางของ KPF อาทิ ผังเมือง, สาธารณูปโภค, สนามบิน, สำนักงาน และอาคารสาธารณะในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก KPF ได้รับการ ยกย่องให้เป็นหนึ่งในสถาบันออกแบบที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุดในโลก และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมายในด้านความเลิศทางการออกแบบ นวัตกรรม และมีความผสมผสานกลมกลืน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ kpf.com เกี่ยวกับ Bowler James Brindley Bowler James Brindley ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดย Lucy Southall, Stephen Crawley และ Ian Bayliss กลุ่มบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญระดับสูงในอุตสาหกรรมการออกแบบตกแต่งภายใน รายชื่อลูกค้าของพวกเขา ได้แก่ ผู้ประกอบการโรงแรมชั้นนำ, บริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีชื่อเสียง รวมไปถึงเจ้าของบาร์และเจ้าของร้านอาหาร ปัจจุบัน BJB กำลังออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยและโรงแรมในลอนดอน บาร์เซโลนา และเบลเกรด โดยมีสำนักงานอยู่ ในกรุงลอนดอน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ bowlerjames.com เกี่ยวกับ Studio Ashby Sophie Ashby ก่อตั้ง Studio Ashby ขึ้นเมื่อปี 2014 ในเมืองน็อตติ้งฮิลล์ และเริ่มงานออกแบบเมื่ออายุ 25 ปี Studio Ashby ที่ผลงานที่มีชื่อเสียงหลายโครงการ ได้แก่ ทาวน์เฮาส์ในเชลซีสำหรับครอบครัวหนุ่มสาวชาวอิตาเลียน, โรงแรมลักชัวรีบูติคในแอฟริกาใต้, เพนท์เฮ้าส์ใน แบทเทอร์ซี ซึ่งเป็นบ้านชนบทที่ตระหง่านใน Somerset ของ Gabriella Wilde นักแสดงหญิงและครอบครัวของเธอ, ร้านอาหารไนจีเรียนชื่อดังใน Mayfair และการพัฒนาโครงการใน Mayfair กับ Native Land นอกจากนั้น Studio Ashby ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ออกแบบตกแต่งภายในแห่งปีของปี 2015 และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในปี 2016

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ