กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--กรมการค้าต่างประเทศ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าตามที่กรมการค้าต่างประเทศ ได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณกรุงวอชิงตัน จัดสัมมนาเรื่อง “U.S. Trade Policy : Implications for ThaiExports ” ระหว่างวันที่ 18 -19 กันยายน 2550 ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ โดยได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา (DOC)มาเป็นวิทยากรร่วมบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ฉบับใหม่เช่นการให้สิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (IPR) มาตรการAD และ CVD แก่ผู้ส่งออกไทยที่สนใจและมีการเปิดคลินิกให้คำแนะนำในการทำธุรกิจกับสหรัฐฯสรุปผลการสัมมนาได้ ดังนี้1. ภาพรวมของการค้าสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญอันดับหนึ่งของไทยมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน ในปี 2549 สูงถึง 30.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯโดยไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าป้อนสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 18สินค้าที่มีศักยภาพของไทยเป็นสินค้าเกษตร ได้แก่ กุ้งแช่เย็น/แช่แข็งอาหารทะเล ข้าว เป็นต้น ปัจจุบันสหรัฐฯ ได้ให้สิทธิพิเศษฯทางการค้า (GSP)แก่ไทย ซึ่งได้ต่ออายุไปจนถึง 31 ธันวาคม 2551 ไทยใช้สิทธิ GSP เป็นอันดับ 3รองจากแองโกล่า และอินเดีย โดยในปี 2549 สหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP สินค้าของไทย 3รายการ คือ อัญมณีและเครื่องประดับที่ทำด้วยโลหะมีค่า เม็ดพลาสติกและโทรทัศน์สี ซึ่งสหรัฐฯ จะเปิดโอกาสให้ยื่นคำร้องขอคืนสิทธิได้ภายในวันที่16 พฤศจิกายน 2550 สำหรับนโยบายการค้าสหรัฐฯ ฉบับใหม่ เน้นให้ความสำคัญกับการจัดทำเขตการค้าเสรี(FTA) ซึ่งปัจจุบันได้ทำแล้วเสร็จจำนวน 15 ฉบับ กับ 20 ประเทศและล่าสุดได้ลงนามกับเกาหลีใต้ และอยู่ระหว่างรอผลการอนุมัติจากสภาอีก 2 ฉบับคือเปรู และปานามา ในส่วนของไทยได้เริ่มจัดทำเขตการค้าเสรีกับสหรัฐฯมาตั้งแต่ปี 2547 และได้หยุดชะงักการเจรจาไปเมื่อต้นปี 2549 ซึ่งสหรัฐฯคาดว่าน่าจะเจรจาต่อได้ เมื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้วเสร็จส่วนประเด็นการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (U.S. Intellectual PropertyRights (IPR) Policy) สหรัฐฯถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯและมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของทุกประเทศการปลอมแปลงและละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯปีละ 200 -250 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สหรัฐฯจึงดำเนินนโยบายการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเคร่งครัด 2. ระบบมาตรฐานของสหรัฐฯ เป็นระบบมาตรฐานสมัครใจโดยจะพัฒนาตามเงื่อนไขของตลาด ซึ่งสหรัฐฯมีหน่วยงานกำหนดมาตรฐานอยู่หลายแห่งและยังได้ร่วมมือกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของไทยด้วยการกำหนดมาตรฐานสินค้าเป็นการให้ความคุ้มครอง และสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนและอาจเป็นการกีดกันทางการค้าได้อีกทางหนึ่งด้วย 3. พิธีการศุลกากรของสหรัฐฯ ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการ Custom —TradePartnership Against Terrorism ขึ้น เพื่อป้องกันภัยจากการก่อการร้ายที่อาจมาพร้อมกับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากคู่ค้ากว่า 6,000แห่ง ส่งผลให้จำนวนการสุ่มตรวจ ณ ด่านนำเข้าลดลงและได้จัดตั้งศูนย์กลยุทธ์การค้า โดยแบ่งตามประเด็นการค้าและสินค้าหลักที่สำคัญคือ Chicago ดูแลด้านภาษี , Dallas ดูแลด้านโควต้า สาธารณสุขความปลอดภัยอาหารการติดฉลากสินค้าและแหล่งกำเนิดสินค้า , Los Angeles ดูแลด้านทรัพย์สินทางปัญญา, New York ดูแลด้านสิ่งทอ , Florida ดูแลด้านมาตรการ AD/CVD นอกจากนี้ได้จัดตั้งคณะทำงานด้านการตรวจสอบสินค้าเกษตร ณด่านนำเข้าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของศัตรูพืชที่อาจติดมากับสินค้านำเข้าด้วย 4. U.S. Antidumping, Countervailing Duty and Safeguard Measuresได้ชี้แจงกระบวนการและขั้นตอนในการดำเนินมาตรการ AD , CVD และ Safeguardของสหรัฐฯ รวมถึงการพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ การประเมินความเสียหาย การคำนวณอากรการไต่สวนและการเตรียมหลักฐานเมื่อมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นพร้อมยกตัวอย่างกรณีปัญหาการค้าไทยในขณะนี้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ได้รับประโยชน์จากการสัมมนาเป็นอย่างมากนอกจากจะได้รับทราบถึงแนวนโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯกระบวนการขั้นตอนในการดำเนินมาตรการ AD , CVD และsafeguardรวมถึงพิธีการศุลกากรของสหรัฐฯแล้ว ยังได้ทราบถึงขั้นตอนการดำเนินธุรกิจการค้ากับสหรัฐฯอย่างถ่องแท้จากคณะวิทยากรดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตามหาก ผู้ส่งออก ผู้สนใจต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถค้นหาได้จาก http://www.ustr.gov/www.usitc.gov/ รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสำนักส่งเสริมและพัฒนาสิทธิประโยชน์ทางการค้า โทรสายด่วน 1385 โทร. 0 2547 4872 โทรสาร 0 2547 4816 www.dft.go.thnb e-mail : [email protected]