กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัย ขณะนี้คลี่คลายแล้ว 2 จังหวัด ส่วนเชียงใหม่ พิษณุโลก และกาฬสินธุ์ ยังคงมีน้ำท่วมขัง เบื้องต้นได้สั่งการให้ ปภ.จังหวัด เร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย 5 จังหวัดภาคใต้ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในระยะ 2 — 3 วันนี้
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่จังหวัดพังงา พิษณุโลก กาฬสินธุ์ เชียงใหม่ และลำพูน สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรเป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้สถานการณ์ อุทกภัยในจังหวัดพังงาและลำพูนได้คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว สำหรับอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงมี น้ำท่วมขัง ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติในวันนี้ เบื้องต้นสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดส่งเรือท้องแบน จำนวน 4 ลำ พร้อมทั้งร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ส่วนในจังหวัดพิษณุโลกที่ อ.วังทอง อ.เมือง อ.บางระกำ อ.บางกระทุ่ม และใน อ.เมือง อ.กมลาไสย อ.ยางตลาด และ อ.ฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ คาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายใน 1 สัปดาห์
นายอนุชา กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบสภาวะอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 1 — 4 ต.ค. 50 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคใต้ในพื้นที่เสียงภัยบริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล และสุราษฎร์ธานี ดังนั้น เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น กรมป้องกันฯ ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 3 ปราจีนบุรี เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 11 สุราษฎร์ธานี และเขต 12 สงขลา จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ขอฝากเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ในระยะ 2 — 3 วันนี้ โดยหมั่นติดตามพยากรณ์อากาศอย่างสม่ำเสมอ หากมีประกาศเตือนให้ขนย้ายทรัพย์สินไว้บนที่สูง และอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ส่วนผู้ที่เดินเรือควรงดออกจากฝั่งในช่วงที่มีประกาศแจ้งเตือน เนื่องจากพายุลมแรงอาจทำให้เกิดเรือพลิกคว่ำได้ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป