“ดัชนีฯ เดือนเมษายน 2561 ปรับลดลงเป็นเดือนที่สอง นักลงทุนกังวลปัจจัยต่างประเทศจากนโยบายทางการเงินสหรัฐฯ แต่เชื่อมั่นว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศและภาวะเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุน”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 9, 2018 16:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 เม.ย.--สภาธุรกิจตลาดทุนไทย นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนเมษายน 2561 ว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่สอง แต่ยังคงอยู่ในภาวะร้อนแรง (Bullish) เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยผลสำรวจระบุว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าการลงทุนจะได้รับผลดีจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ กับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งนี้ นักลงทุนติดตามปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายทางการเงินสหรัฐฯ ที่เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC เดือนมีนาคม และเห็นว่าเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นมากที่สุด นอกจากนี้ ยังเริ่มติดตามสถานการณ์ทางการเมืองที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งในอนาคตอีกด้วย" ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนเมษายน 2561 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้ - ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มิถุนายน 2561) ยังคงอยู่ในเกณฑ์ "ร้อนแรง" (Bullish) (ช่วงค่าดัชนี 120 - 160) โดยลดลง 16.02% จากเดือนก่อนที่เป็น 143.09 - ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศลดลงจากการสำรวจเดือนก่อน แต่ยังอยู่ใน Zone ร้อนแรง (Bullish) - ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มสถาบันภายในประเทศกับกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลต่างปรับตัวลดลง แต่ยังคงอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral) - ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ยังคงอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral) เช่นเดียวกับเดือนก่อน - หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร (BANK) - หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธุรกิจเหล็ก (STEEL) - ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ - ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ "ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนมีนาคมเคลื่อนไหวในลักษณะปรับฐานราคาเช่นเดียวกับเดือนก่อนหน้า มีการแกว่งตัวค่อนข้างกว้างอยู่ในช่วง 1761-1825 จุด แต่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวใกล้เคียง 1800 จุด โดยได้รับผลดีจากเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่การปรับตัวลดลงส่วนหนึ่งมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ และความกังวลในนโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ว่าจะลุกลามจนเป็นสงครามทางการค้าหรือไม่ ผลสำรวจชี้ว่าทิศทางการลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะมีปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นใน SET Index จากความคาดหวังในเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและการขยายตัวของเศรษฐกิจภายใน แต่จะต้องติดตามความชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้หรือไม่ หลังจากขึ้นไปแล้ว 0.25% ในเดือนมีนาคม ซึ่ง 2 ประเด็นนี้เป็นปัจจัยความเสี่ยงต่อการลงทุนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เริ่มมีการบังคับใช้ ก็เป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย ขนาดไหน ซึ่งต้องพิจารณาผลกระทบเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง" นางวรวรรณ กล่าว สำหรับเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ นั้น ประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาคือ 1. นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของยูโร ซึ่งยังคงดำเนินการอยู่ แต่มีแนวโน้มจะทยอยลดลงในช่วงปลายปี 2. GDP ปี 2017 ของญี่ปุ่น ขยายตัวได้ 1.7% จาก 0.9% ในปีก่อน และ 3. จีนกำหนดเป้าหมายอัตราการขยายตัวของ GDP ในปี 2018 เป็น 6.5% ซึ่งยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ