บลจ.ยูโอบี ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมการลงทุนระลอกใหม่ คลอด “กองทุนเปิด ยูโอบี ซีเล็ค บาสเก็ต อินคัม 1”

ข่าวทั่วไป Thursday September 20, 2007 13:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--ธนาคารยูโอบี
บลจ.ยูโอบี ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมการลงทุน พร้อมสร้างความแปลกใหม่ให้กับนักลงทุน ด้วยการแนะนำ “กองทุนเปิด ยูโอบี ซีเล็ค บาสเก็ต อินคัม 1” ชูผลตอบแทนที่อ้างอิงกับดัชนีที่ใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ Carry Trade มั่นใจเป็นบลจ.รายแรกที่นำเสนอกลยุทธ์นี้ จ่อคิวเสนอขายเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 20 ก.ย. — 1 ต.ค. 2550 นี้
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ยูโอบี เตรียมสร้างความแปลกใหม่ให้กับนักลงทุนอีกครั้ง ด้วยการนำเสนอกองทุนเปิด ยูโอบี ซีเล็ค บาสเก็ต อินคัม 1 (UOB Select Basket Income/1 Fund) ซึ่งให้ผลตอบแทนที่อ้างอิงกับดัชนี Income FX และดัชนี Income Asia 2.0 ที่ใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ Carry Trade โดยกลยุทธ์ Carry Trade คือ การกู้ยืมเงินของประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ไปฝากเงินในประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ที่มีการเลือกใช้วิธีเลือกทำ Carry Trade ซึ่งพิจารณาจากผลตอบแทนหลังปรับความเสี่ยง แทนที่จะพิจารณาผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน
สำหรับกองทุนเปิด ยูโอบี ซีเล็ค บาสเก็ต อินคัม 1 เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ ประเภทกองทุนรวมที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific Fund) รูปแบบใหม่ที่นำดัชนีที่ใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ Carry Trade มาใช้ เพื่อสร้างผลตอบแทน โดยเปิดเสนอขายเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 20 กันยายน จนถึงวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ เริ่มต้น 10,000 บาท
นายวนา กล่าวต่อว่า กองทุนดังกล่าว จะเน้นลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง ซึ่งออกโดยธนาคารพาณิชย์ที่มีความมั่นคงสูง โดยผู้ออกตราสารจะจ่ายเงินต้นคืน 100% และจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับผลตอบแทนของดัชนี Income FX และดัชนี Income Asia2.0 ณ สิ้นปีที่ 3 เพื่อโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น โดยทั้ง 2 ดัชนีเป็นหนึ่งในดัชนีกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายสำหรับนักลงทุนสถาบันทั่วโลก กลุ่มหลักทรัพย์ที่ใช้ในการสร้างดัชนี คือ อัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเริ่มเผยแพร่ค่าดัชนีทุกวันใน Bloomberg
อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ Carry Trade เป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้างกำไรได้จากอัตราแลกเปลี่ยนและส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย สำหรับดัชนี IncomeFX ทำ Carry Trade กับเงินสกุลของประเทศในกลุ่ม G10 โดยเน้นสร้างผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกันประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำจะมีแนวโน้มที่ค่าเงินจะอ่อนค่าลง โดยในอดีตที่ผ่านมา เงินทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วที่ให้ดอกเบี้ยต่ำไหลไปยังประเทศที่พัฒนาแล้วที่ให้ดอกเบี้ยสูงซึ่งสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนในการสร้างโอกาสทำกำไรได้เพิ่มขึ้น ส่วนดัชนี IncomeAsia 2.0 นั้น จะช่วยกระจายความเสี่ยงกับIncomeFX ได้ โดยดัชนี IncomeAsia 2.0 ทำ Carry Trade กับเงินสกุลของประเทศที่กำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ผลตอบแทนของ IncomeAsia2.0 ส่วนใหญ่มาจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากดัชนีเลือกลงทุนในสกุลเงินของประเทศเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ การอ้างอิงผลตอบแทนจากทั้ง 2 ดัชนีจะช่วยให้ผลตอบแทนมีเสถียรภาพและเป็นการกระจายความเสี่ยง ซึ่งทำให้ความผันผวนโดยรวมต่ำลง และเพิ่มผลตอบแทนของการลงทุนในดัชนี IncomeFX บวกกับดัชนี IncomeAsia 2.0
สำหรับนักลงทุนที่สนใจกองทุนรูปแบบใหม่ สามารถสอบถามและติดต่อจองซื้อหน่วยลงทุนได้ที่ ฝ่ายบริการผู้ถือหน่วย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี โทร. 02-679-5577 หรือเครือข่ายสาขาทั่วประเทศของธนาคารยูโอบี การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สายงานนิเทศสัมพันธ์ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2343-4963,0-2343-4973
จิรา ศุภชยานนท์, บุญญาพร วงษ์ใบแก้ว, พรศิลป์ ชิโนเรสโยธิน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด โทร. 0-2679-5577 ต่อ 651
ชุติพนธ์ อัชวรานนท์ (เอก)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ