SMART ผลประกอบการฟื้น Q1/2561 รายได้รวม 88.19 ล้านบาท โต 11.22% ขาดทุนลดลง 77.01% มั่นใจไตรมาส 2 ธุรกิจฟอร์มดีต่อเนื่อง

ข่าวอสังหา Tuesday May 8, 2018 10:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--Worklink PR SMART ผลประกอบการฟื้น Q1/2561 รายได้รวม 88.19 ล้านบาท โต 11.22% ขาดทุนลดลง 77.01% มั่นใจไตรมาส 2 ธุรกิจฟอร์มดีต่อเนื่อง ภาคเอกชนทยอยลงทุนเปิดโครงการใหม่ รับอานิสงส์ EEC ชูกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าในประเทศ หลังกระแสตอบรับสินค้าอิฐมวลเบาตกแต่ง หนุนยอดขายโต เดินหน้าเพิ่มช่องทางจำหน่ายทุกรูปแบบ ตลาด AEC กัมพูชา-ลาว ออร์เดอร์ดีต่อเนื่อง นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2561 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 88.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 79.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.23 % และมีผลขาดทุนสุทธิ 8.05 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 26.98 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง77.01% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 35.04 ล้านบาท สาเหตุที่ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นและมีผลขาดทุนลดลง เนื่องจากปริมาณการขายและยอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/61 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีปัจจัยบวกสนับสนุนจากโครงการภาคเอกชนเริ่มมีการลงทุนในส่วนงานนิคมอุตสาหกรรม และโครงการอสังหาริมทรัพย์ทยอยเปิดโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของโครงการพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) ในส่วนงานภาครัฐบริษัทยังคงได้รับงานขนาดกลางที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อาทิ โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน นอกจากนี้บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นยอดขายและเพิ่มอัตราส่วนกำไรขั้นต้น โดยเร่งบุกตลาดและทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่บล็อกมวลเบาตกแต่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าหลากหลายกลุ่มมากขึ้น ทั้งนี้บริษัทได้ทำการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า "อิฐมวลเบาประเภทตกแต่ง" ผ่านร้านโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างชั้นนำทั่วประเทศ ปัจจุบันได้วางจำหน่ายสินค้า ไทวัสดุ จำนวน 42 สาขาและเพิ่มตัวแทนจำหน่ายร้านค้าวัสดุกว่า 30 ราย จากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว จะทำให้การกระจายสินค้ามีความครอบคลุม และเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนตลาดในกลุ่มประเทศ AEC ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากดีลเลอร์ในประเทศลาว โดยนำสินค้าเข้าไปใช้กับงานโครงการภาครัฐ และนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในร้านขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างขนาดใหญ่ ขณะที่ประเทศกัมพูชา บริษัทได้รับออเดอร์คำสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปี 2561 จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 % นายรังสี กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 339 ล้านบาท เติบโตอย่างน้อย 10% และคาดว่าจะเริ่มกลับมามีกำไรสุทธิ สัดส่วนรายได้จะมาจากงานภาครัฐ 30 % ภาคเอกชน 60 % และช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์และโมเดิร์นเทรด10 % ซึ่งเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ที่มีการเติบโตของยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ