กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--
บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ไม่ธรรมดาทำผลงานไตรมาสแรก กำไรเริ่ดวิ่งแตะ 77.44 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.92 ล้านบาท สืบเนื่องจากบริษัทสามารถรักษา Margin และบริหารค่าใช้จ่ายได้ดี ส่งสัญญาณภาพรวมทั้งปียังเติบโตต่อเนื่อง เหตุความต้องการใช้ LPG เพิ่มขึ้น ทั้งจากในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม "ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง" ระบุนับจากนี้เดินหน้าลุยธุรกิจตามแผน เพื่อให้ยอดขายปีนี้เติบโตตามเป้า และเตรียมพร้อมสู่การเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจร
คุณชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2561 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561) ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 77.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.52 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 768.29% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 8.92 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 3,559.26 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ เท่ากับ 60.04 ล้านบาท
"ครั้งนี้เป็นอีกวาระที่ผลประกอบการของ WP ยังคงสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะกลุ่มบริษัทฯมีการวางแผนการดำเนินธุรกิจ การขนส่ง และมีความสามารถในการบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งผลจากความทุ่มเท ตั้งใจ และมุ่งมั่นปฏิบัติตามแผนการดำเนินธุรกิจที่ได้วางไว้ เพื่อให้บริษัทฯ เติบโตและก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ซึ่งเชื่อว่าต่อจากนี้จะได้เห็น WP เติบโตอย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น"คุณชมกมลกล่าว
สำหรับทิศทางธุรกิจของ WP ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือความต้องการใช้ LPG ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้ตลาดก๊าซ LPG กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง โดยปีนี้บริษัทฯ คาดว่ายอดขายรวมจะเติบโตได้ตามเป้า
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าในการสร้างคลังกระจายสินค้าแห่งใหม่ ที่ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ขนาด 9,500 ตัน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 โดยใช้งบลงทุนไม่เกิน 600 ล้านบาท ส่วนการขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนใหม่ (CLMV) ยังคงทรงตัวจากก่อนหน้านี้ได้ขยายตลาดไปที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และมีแผนขยายตลาดไปที่ สปป.ลาว เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากความต้องการใช้ก๊าซค่อนข้างสูงในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม