กรีนเวฟส่งดีเจคุณภาพ มอบโอกาสให้คนตาบอดทั่วประเทศ

ข่าวทั่วไป Monday September 26, 2005 15:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์
ความสามัคคีคือพลัง สามารถสร้างมิติใหม่ให้ปรากฏได้ในทุกที่ เช่นเดียวกับความร่วมมือของคลื่น กรีนเวฟและมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทยที่ร่วมกันมอบโอกาสให้คนตาบอดได้อ่านหนังสือ
เพราะหนังสือสามารถย่อโลกทั้งใบไว้โดยที่เราไม่ต้องเดินทางไปสัมผัสด้วยตัวเอง โครงการ “One by One: หนึ่งเสียงเปิดโลกกว้าง” จึงเกิดขึ้นโดยการริเริ่มของมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย ซึ่งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคนตาบอดต่างๆ รวมทั้งสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียง ร่วมผลิตหนังสือเสียงเพื่อคนตาบอดโดยการอ่านหนังสือจากอาสาสมัครนักธุรกิจแอมเวย์ และบุคคลผู้มีชื่อเสียงที่สละเวลาเข้าร่วมโครงการ ล่าสุดคลื่นวิทยุ กรีนเวฟ ได้ส่งนักจัดรายการคุณภาพเข้าร่วมโครงการเพื่อเปิดโลกกว้างให้คนตาบอดผ่านการอ่านหนังสือที่เปี่ยมด้วยคุณค่า
ดีเจอั๋น-ภูวนาท คุนผลิน ดีเจคุณภาพที่คลื่นวิทยุกรีนเวฟซึ่งได้อ่านหนังสือเรื่อง “Bloom in my heart” แต่งโดยคุณแอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร เปิดใจว่า “เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นหนังสือที่ถ่ายทอดมาตรงๆ เป็นเรื่องเล่าของพี่แอม เสาวลักษณ์ ที่ไปเที่ยวแล้วเล่าทุกอย่างที่เขาเห็น แต่จะมีอะไรสอดแทรกอยู่ในทุกๆ บทเสมอ อ่านแล้วทำให้เรารู้สึกดี ซาบซึ้งเหมือนมีดอกไม้บานในใจ เหมือนกับชื่อเรื่อง ผมคิดว่าเรื่องนี้เหมาะมากที่จะสร้างรอยยิ้มให้กับน้องๆ เพราะพี่แอมได้พรรณนาเรื่องราวได้อย่างละเอียด ผ่านสำนวนโวหารที่ทำให้เรารู้สึกลึกซึ้งจนสามารถหลับตาแล้วนึกภาพเหล่านั้นได้ “เล่มนี้ไม่ต้องได้เห็น ก็เหมือนได้เห็น ไม่ต้องได้ยินก็เหมือนได้ยิน” จริงๆ แล้วการอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว เพราะช่วยให้เราได้มีประสบการณ์ เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ได้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง โดยที่เราไม่ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง แม้ว่าบางคนอาจจะไม่เคยมองเห็น แต่ก็มีจินตนาการที่สามารถสร้างความสุขได้ มีผู้กล่าวว่า “ของจริงก็ไม่อาจสวยสู้กับสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราฝันได้”
การแบ่งปันเสียงของเราผ่านหนังสือเสียงนี้ ก็เหมือนกับเวลาเรากินข้าวอร่อย แล้วเราอยากบอกเพื่อนสนิทว่าร้านนี้อร่อย หนังเรื่องนี้สนุกจะต้องแนะนำเพื่อนไปดู หนังสือเล่มไหนที่คุณชอบ คุณก็อยากให้เขาได้อ่าน เช่นเดียวกันกับน้องๆ ที่เขาไม่มีโอกาสได้อ่าน ผมว่าตรงนี้ยิ่งกว่าบอกต่ออีกว่าหนังสือเล่มนี้ดี เหมือนเป็นการซื้อหนังสือให้เขาเป็นของขวัญ แต่ว่าครั้งนี้เป็นหนังสือเล่มโปรดของเราที่มีเสียงของเราอยู่ด้วย เราอ่านให้เขาได้ฟัง ได้ถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ ที่เราได้รับรู้ มันคือ “ความสุข ยิ่งแบ่งปันมันก็ยิ่งมากขึ้น” และมันก็อยู่ยงคงกระพันตลอดไป
ส่วน ดีเจอ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่อาสาเข้าร่วมโครงการ “พี่มีความตั้งใจอย่างหนึ่งมาเสมอคือ เมื่อไรที่มีโอกาสได้ทำอะไรเพื่อคนอื่น พี่จะทำเต็มที่ เพราะสำหรับตัวพี่เอง พี่โชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานที่ตัวเองรัก ได้จัดรายการวิทยุ เมื่อเราเป็นคนโชคดีขนาดนี้ เราก็น่าจะเอาความโชคดีของเรามาใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อคนอื่นบ้าง จึงได้เข้าร่วมโครงการ “One by One: หนึ่งเสียงเปิดโลกกว้าง” ของมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย ที่ผลิตหนังสือเสียงเพื่อคนตาบอด เพราะคิดว่าตัวเองทำงานโดยการใช้เสียงอยู่แล้ว เราก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเขา เป็นสื่อกลางถ่ายทอดด้วยเสียงของเราให้น้องๆได้รับรู้
โดยเลือกอ่านหนังสือเรื่อง “ฉันสามารถรับมือกับมันได้” (I can handle it) อ่านแล้วรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้น่ารักดี เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ 50 ปัญหาของเด็กว่าควรจะรับมือหรือแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร อยากให้น้องๆ ได้รู้ว่าในโลกนี้ไม่ได้มีแต่สิ่งที่ไม่เป็นปัญหา แต่มันยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาด้วย ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของโลกใบนี้ อย่างน้อยที่สุดหากน้องๆ ที่ได้ฟังหนังสือเสียงที่พี่อ้อยอ่าน บางคนอาจจะยังไม่เจอปัญหาที่ตรงกับเรื่องนี้ เขาก็จะได้รู้ว่าในโลกนี้มันยังมีปัญหาอีกหลายอย่าง ซึ่งไม่แน่ว่าอนาคตเขาอาจจะมีโอกาสได้เข้าไปเกี่ยว เข้าไปเจอกับปัญหานั้น เขาจะได้รับรู้ว่าเคยมีคนรอดพ้นจากปัญหานั้นมาแล้ว มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ทำให้เขารอดพ้นปัญหาไปไม่ได้
โครงการนี้เป็นการเปิดโลกอีกโลกหนึ่งให้เขาได้สัมผัส ต่อให้เราได้มองเห็นทุกอย่าง ได้ฟังเสียง บางครั้งโลกเรายังแคบเลย เพราะเราวิ่งอยู่ในที่ของเราอยู่เสมอ เมื่อไรที่เราได้ออกไปจากนอกโลกของเราบ้างเราจะเจอประสบการณ์ใหม่ เรากำลังจะทำให้โลกภายนอกเข้าไปอยู่ในโลกของเขา เป็นคนสื่อสารสิ่งที่อยู่ในหนังสือ เป็นการย่นระยะเวลาการเรียนรู้โลกใบนี้ เพราะเราไม่มีเวลามากพอที่จะมาเรียนรู้ทุกมุมในโลกใบนี้ หนังสือในโลกนี้มีเป็นล้านๆ เล่ม ล้านๆ เรื่อง พี่เชื่อว่าเด็กหลายๆ คนเขาอยากอ่านแต่ไม่รู้ว่ามีหนังสือเล่มนี้อยู่ พี่จะบอกกับน้องๆ ที่ฟังรายการอยู่เสมอว่า เมื่อไรที่เราเจอหนังสือที่ตัวเองชอบ อ่านให้ตัวเองซึ้งประทับใจไปแล้ว อย่าลืมอ่านดังๆ แล้วเก็บเสียงเอาไว้ เพราะว่ายังมีอีกหลายคนที่เขาอาจจะประทับใจกับเรา แต่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ เท่ากับเป็นการเปิดโลกให้กับเขา พี่อ้อยอยากให้ทุกคนช่วยเหลือกัน และอยากให้โครงการดีๆ อย่างนี้ดำเนินไปอย่าง ต่อเนื่องค่ะ”
บางทีคนเรามักจะมองเห็นมุมที่น่าสงสารของเรา แต่เราลืมไปว่า แค่เราสามารถตื่นขึ้นมา แล้วลุกจากที่นอนได้ ออกไปทำงาน ทำสิ่งที่เราต้องการได้นั้น ก็นับว่าโชคดีกว่าอีกหลายคนมากแล้ว เพราะฉะนั้นเราควรนำความโชคดีของเราไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง โครงการอ่านหนังสือเสียงให้กับน้องๆที่มองไม่เห็น เป็นส่วนหนึ่งที่เราสามารถทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้อย่างง่ายที่สุด เพียงแค่อ่านออกเสียงดังๆ เราก็สามารถ เผื่อแผ่และแบ่งปันสิ่งดีๆ ที่เราได้รับให้แก่คนอื่นๆ ได้มีความสุขด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการฯ
บริษัท โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร. 0 2691 6302-4, 0 2274 4782
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ