"ลลิล พร็อพเพอร์ตี้" ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกเติบโต 60% รับรู้รายได้ 962.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 182.2 ล้านบาท

ข่าวอสังหา Tuesday May 15, 2018 10:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) โชว์ศักยภาพแข็งแกร่งเหนือตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2561 มียอดรับรู้รายได้ที่ 962.1 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 45% นับเป็นการขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องจากที่บริษัทสามารถเติบโตในระดับสูงกว่า 30% ตลอดช่วง2 ปีที่ผ่านมา ในแง่ของกำไรสุทธิ บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ในไตรมาสแรกนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 182.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 60% นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปท์"บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี" กล่าวว่า แม้บริษัท คาดการณ์ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 จะมีอัตราการเติบโตไม่มากนักราว 3-5% แต่ด้วยกลยุทธ์ที่วางเอาไว้ ประกอบกับการบริหารงานอย่างมืออาชีพ จึงมีความเชื่อมั่นว่าในปีนี้จะเป็นอีกปีที่บริษัทสามารถเติบโตได้สูงกว่าอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องเช่นเคย โดยในไตรมาสแรกนี้บริษัทมียอดรับรู้รายได้ที่ 962.1 ล้านบาท ซึ่งเติบโตได้ราว 45% ในขณะที่ยอดขายสามารถทำได้ราว 1,500 ล้าน นอกจากนี้ บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้ดี โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.9% ซึ่งสูงเป็นลำดับต้นๆ ของบริษัทในตลาดฯ ในส่วนของต้นทุนการขายและบริหาร บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ในไตรมาสแรกนี้บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 182.2 ล้านบาท ขยายตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 60% สำหรับการขยายธุรกิจ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปทั้งสิ้น 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท โดยในไตรมาสสองมีแผนที่จะเปิดอีก 1 - 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจในปีนี้ที่จะมีการเปิดโครงการใหม่ 8 – 10 โครงการ มูลค่ารวม 4,500 - 5,000 ล้านบาท ในแง่ของโครงสร้างเงินทุน แม้ว่าบริษัทจะมีการขยายธุรกิจอย่างมากในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา แต่บริษัทยังคงรักษาระดับ Gearing ได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด โดย ณ สิ้นไตรมาสแรกนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.82 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ราว 1.3 - 1.4 เท่า สะท้อนความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท และความพร้อมในการขยายธุรกิจของทางบริษัทได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติจัดสรรกำไรสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2560โดยให้จ่ายปันผลทั้งปีในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ซึ่งหากคิดจากราคาหุ้นของบริษัทในปัจจุบัน จะมี Dividend Yield อยู่ที่ราว 5.3 % ทั้งนี้บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.135 บาท ดังนั้นจะคงเหลือจ่ายปันผลเป็นเงินสด ในงวดนี้อีก 0.165 บาท ซึ่งได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม2561 ที่ผ่านมา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ