TNDT เจ๋งจริงโบรกฯ ให้ราคาเหมาะสมเกิน 4 บ. ประเมินกำไรปี 50-51 ยังมีอัตราเติบโตดีต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 35-40% ทุกปี

ข่าวทั่วไป Monday September 24, 2007 10:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--ไทย เอ็น ดี ที
TNDT พื้นฐานแกร่งจริง 3 โบรกเกอร์ ประเมินราคาเหมาะสมในช่วง 4.10-4.30 บาท/หุ้น ระบุเป็นผู้นำในการให้บริการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Nondestructive Testing : NDT) สำหรบลูกค้าในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และอุตสาหกรรมการก่อสร้างขนาดใหญ่ ล้วนแต่มีอัตราการเติบทั้งสิ้น ประเมินกำไรปกติปี 50 และปี 51 ยังขยายตัวในอัตรา 30.5% และ 47.4% ตามลำดับ หรือประมาณ 34.93 ล้านบาท ในปีนี้ และเพิ่มเป็น 51.49 ลบ.ในปีหน้า จากทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท (ราคาพาร์ 1 บาท ราคาจองหุ้นละ 3.10 บาท)
บมจ.ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) ประกอบธุรกิจการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Nondestructive Testing : NDT) โดยให้บริการทั้งก่อนและ ขณะปฏิบัติการและภายหลังการทดสอบระบบ NDT เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะไม่มีส่วนทำให้ชิ้นงานของโครงสร้างของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ หรือโครงสร้างก่อสร้างขนาดใหญ่ มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ หรือ คุณสมบัติ
บริษัทฯ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้จำนวน 20,000,000 หุ้นราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นผู้รับประกันการจำหน่าย โดยเป็นแกนร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 แห่ง คือ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ สินเอเชีย จำกัด (มหาชน) โดยเสนอขายต่อ ผู้มีอุปการคุณของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหรือผู้จัดจำหน่าย เสนอขายต่อนักลงทุนประเภทสถาบัน และผู้มีอุปการคุณของบริษัท การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ บริษัทไม่ได้มีการจัดสรรหุ้นให้แก่ประชาชนในวงกว้าง เนื่องจากจำนวนหุ้นที่เสนอขายมีจำนวนจำกัด ราคาเสนอขายหุ้นละ 3.10 บาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท การเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเพิ่มทุน โดยทำการเสนอขายในวันที่ 14 และ 17 -18 กันยายน 2550
บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้ไปใช้ดำเนินการด้านต่าง ๆ ได้แก่ การใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์ เครื่องมือ เทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อใช้ในการขยายการให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรม เพื่อใช้ในการขยายสำนักงานสาขาที่จะให้บริการกับลูกค้าในส่วนภูมิภาคและต่างจังหวัด ซึ่งมีอยู่ 6 แห่งในประเทศในขณะนี้ เพื่อใช้ในการส่งเสริมการฝึกอบรมของพนักงานด้าน NDT และบริการ NDT และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
บล.บีฟิท ออกบทวิเคราะห์ บมจ.ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) โดยระบุว่าเป้าหมายลูกค้าของ TNDT คือกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตเคมี น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และอุตสาหกรรมก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งล้วนแต่มีศักยภาพในการเติบโตทั้งสิ้น แต่ TNDT มีศักยภาพด้านบุคลากรและประกอบกิจการมานานกว่า 25 ปี จึงสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในและนอกประเทศ ได้โดยอาศัยความได้เปรียบในด้านชื่อเสียงและประสบการณ์ รวมทั้งอัตราค่าบริการ และเน้นใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพิ่มขึ้น เพื่อขยายตลาด จนอยู่ในกลุ่มผู้นำตลาดบริการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Nondestructive Testing : NDT) และบริษัทได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าบ้าง สำหรับต้นทุนอุปกรณ์เครื่องมือที่ซื้อจากต่างประเทศ แม้จะไม่ได้นำเข้าโดยตรง ขณะที่รายได้จากการขายเกือบทั้งหมดเป็นการขายในประเทศ เราประมาณกำไรในปี 2007 นี้ไว้ที่ 32.95 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนโดยกำไรต่อหุ้น (EPS) จากหุ้นถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ 0.38 บาทต่อหุ้น ขณะที่คิดแบบ Full dilution ได้กำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 0.33 บาทต่อหุ้น
ฝ่ายวิเคราะห์ ประเมินเงินปันผลโดยอิงกับอัตรา Payout ที่ 40% ของกำไรสุทธิ ได้ราว 0.13 บาท สำหรับมูลค่าหุ้นเราประเมินโดยใช้ทั้งเปรียบเทียบอัตราส่วน P/E (ใช้ 11 เท่า อิงกับ mai) P/BV (ใช้ 2 เท่าอิงกับ mai) และวิธี DCF ได้ราคาในช่วง 3.6— 4.9 บาท ซึ่งประเมินให้ค่าเฉลี่ยที่ 4.1 บาท เป็นมูลค่าที่เหมาะสมในปีนี้ และจะดีขึ้นเรื่อยๆในปีหน้า
บล.สินเอเซีย ระบุว่า TNDT มีความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจ NDT ในด้านบริการและต้นทุน: เนื่องจาก 1) มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมานาน 25 ปี ทำให้มีฐานลูกค้าที่มั่นคง สามารถให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า 2) มีอุปกรณ์และเครื่องมือใช้ในการทดสอบที่พร้อมให้บริการในทุกอุตสาหกรรม 3) บุคลากรซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการแข่งขัน มีความชำนาญและมาตรฐานสากลในการทำงานโดยร่วมงานกับบริษัทมานานกว่า 5 — 20 ปี 4) มีสำนักงานสาขา 6 แห่งใน 6 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศไทย และ 5) มีอัตราค่าบริการที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการจากต่างประเทศในขณะที่มีคุณภาพการบริการเท่าเทียมกัน
จากภาวะอุตสาหกรรมในกลุ่มพลังงานด้านอุตสาหกรรมปิโตรเคมี น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ TNDT มีการขยายงานต่อเนื่อง เช่น PTT มีการขยายงานการวางท่อก๊าซธรรมชาติมากขึ้น PTTEP มีการสำรวจและผลิตที่สูงขึ้นทำให้ต้องมีแท่นขุดเจาะเพิ่ม ส่วน PTTCH และ ATC มีการขยายกำลังการผลิตและขยายธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งการขยายงานต่างๆ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมาที่ธุรกิจการให้บริการของ TNDT ให้สามารถเติบโตไปพร้อมกับการขยายงานของกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ดังนั้น คาดว่า กำไรปกติปี 50 และปี 51 ของ TNDT จะเพิ่มขึ้นในอัตรา 30.5% และ 47.4% ตามลำดับ หรือประมาณ 34.93 ล้านบาทในปี 50 และ51.49 ล้านบาทในปี 51
ฝ่ายวิเคราะห์ ให้ราคาเป้าหมายปี 51 ที่ 4.12 บาทต่อหุ้น โดยใช้ P/E ที่ 8 เท่า ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย (ACLS) ประเมินมูลค่าของ TNDT โดยใช้วิธี P/E Ratio ที่ 8 เท่า จากค่าเฉลี่ย P/E อุตสาหกรรมพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมีที่เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของ TNDT ที่อยู่ในระดับ 9-10 เท่า และใช้ EPSจากกำไรปกติปี 51 ที่ 0.51 บาทต่อหุ้น จะได้ราคาเป้าหมายที่ 4.12 บาทต่อหุ้น
ส่วน บล.เคทีบี แนะนำซื้อ TNDT โดยให้ราคาเป้าหมายปี 50 ที่ 4.30 บาท และปี ’51 ที่ 6.10 บาท เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคตที่ดีในขณะที่ใช้ P/E 10 เท่ากับ P/E ของ ตลาด mai ในขณะที่มี Growth ของกำไรต่อหุ้นมากกว่า 40% จึงมองว่าราคาหุ้นของ TNDT สามารถขยับขึ้นไปลงทุนใน P/E ที่สูงกว่าได้ถ้าแนวโน้มกำไรเป็นไปตามคาด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
จุฬารัตน์ เจริญภักดี 089-4888337 , 02-5549395

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ