สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 30 พฤษภาคม 2561 โดย YLG

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 30, 2018 17:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส สภาวะตลาดวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,295.60-1,302.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,750 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,800 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 19,820 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,770 บาท (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.36 น. ของวันที่ 30/05/61) แนวโน้มวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 วิกฤตการเมืองในอิตาลีกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของยูโรโซน แม้ว่าจะกดดันให้สกุลเงินยูโรร่วงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 10 เดือน และช่วยหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่า แต่ในทางตรงกันข้ามก็กระตุ้นให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทองคำเช่นกัน ราคาทองคำจึงยังสามารถแกว่งตัวในกรอบได้ ทั้งนี้ อิตาลีพยายามจัดตั้งรัฐบาลผสม นับตั้งแต่การเลือกตั้งที่ไร้ข้อสรุปชัดเจนในเดือนมี.ค. เมื่อผู้ที่ได้รับเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่อาจคว้าเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองสำคัญได้ ขณะที่มีรายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิด ประเมินว่า อิตาลีอาจจัดการเลือกตั้งใหม่ในเดือนก.ค.เป็นอย่างเร็ว ซึ่งอาจจะเป็นเสมือนการลงประชามติในทางอ้อมเกี่ยวกับสมาชิกภาพของอิตาลีในยูโรโซน และบทบาทของอิตาลีในสหภาพยุโรป (EU) ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้กระทรวงการคลังสหรัฐเฝ้าจับตาดูสถานการณ์ในอิตาลีอย่างใกล้ชิด และสนับสนุนให้อิตาลียังอยู่ในกลุ่มประเทศสกุลเงินยูโรต่อไป โดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐ มีกำหนดประชุมกับรัฐมนตรีการคลังในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือกลุ่มจี-7 ที่รัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดาในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้นักลงทุนจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ เมื่อจีนประกาศว่า พร้อมที่จะต่อสู้ต่อการตัดสินใจของทำเนียบขาวในการเดินหน้าเก็บภาษีมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อสินค้านำเข้าของจีน ถ้าจีนไม่จัดการประเด็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ ท่าทีดังกล่าวบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่ย่ำแย่ลง หลังจากนายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ความตึงเครียดระลอกใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นเผชิญกับช่วงเวลาอันยากลำบากทางการค้า หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดเก็บภาษีเหล็กกล้า, การขู่จัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ และยังถอนตัวจากข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ได้กระตุ้นแรงซื้อทองคำเพิ่ม กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,292 หรือ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในระยะสั้นเพื่อสะสมกำลัง โดยมีการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแบบ Sideway Up โดยหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขาย และนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุน หากราคาหลุดบริเวณแนวรับ ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,307 หรือ 1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ ทองคำแท่ง (96.50%) แนวรับ 1,292 (19,600บาท) 1,280 (19,400บาท) 1,271 (19,250บาท) แนวต้าน 1,307 (19,850บาท) 1,315 (19,950บาท) 1,325 (20,100บาท) GOLD FUTURES (GFM18) แนวรับ 1,292 (19,710บาท) 1,280 (19,520บาท) 1,271 (19,390บาท) แนวต้าน 1,307 (19,940บาท) 1,315 (20,060บาท) 1,325 (20,220บาท) หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ