ตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิร่วมคณะทำงานปรับเกณฑ์บริษัทจดทะเบียน

ข่าวทั่วไป Tuesday October 16, 2007 15:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--ตลท.
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เชิญผู้ทรงคุณวุฒิร่วมคณะทำงานศึกษาแนวทางการปรับปรุงกฎเกณฑ์สำหรับบริษัทจดทะเบียน เตรียมประชุมนัดแรกในเดือนตุลาคมนี้ เผยตลาดหลักทรัพย์ฯ สำรวจความเห็นบจ.เกี่ยวกับข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ พบ ส่วนใหญ่เห็นว่าอยู่ในระดับปานกลางถึงดี และพอใจการให้คำปรึกษาและการให้บริการของเจ้าหน้าที่ในระดับดี พร้อมนำข้อมูลผลการสำรวจความเห็นครั้งนี้ให้คณะทำงานพิจารณา
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการปรับปรุงกฎเกณฑ์สำหรับบริษัทจดทะเบียน โดยมีนายเสรี จินตนเสรี อดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน โดยมีตนเป็นประธาน นอกจากนี้ยังมีผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทยได้แก่ ดร.วีรวัฒน์ กาญจนดุล อุปนายก นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ อุปนายก และนางสาวเพ็ญศรี สุธีรศานต์ ผู้อำนวยการ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยได้แก่ นายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมฯ และนายมนตรี ฐิรโฆไท ที่ปรึกษา นอกจากนี้ ยังมี ผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ประกอบด้วย นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ดูแลสายงานศูนย์ระดมทุน นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการ นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ โดยมี นางสาวปวีณา ศรีโพธิ์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับบริษัทจดทะเบียน เป็นคณะทำงานและเลขานุการ
“คณะทำงานชุดนี้มีหน้าที่ศึกษาแนวทางการปรับปรุงกฎเกณฑ์ ทั้งด้านการรับหลักทรัพย์ และการดำรงสถานะเป็นบริษัท จดทะเบียน ได้แก่ เกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูล เป็นต้น เพื่อพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงข้อกำหนดต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์และแรงจูงใจต่อการนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยยังคงเน้นหลักการคุ้มครองผู้ลงทุนให้ได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอสำหรับการลงทุน โดยคณะทำงานมีอายุตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550” นางภัทรียากล่าว
กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวต่อว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเสนอผลสำรวจความพึงพอใจของบริษัท จดทะเบียนที่มีการดำเนินการในระหว่างเดือนกรกฎาคม - สิงหาคมที่ผ่านมา ต่อคณะทำงานฯ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาด้วย โดยคณะทำงานชุดนี้ จะต้องนำเสนอผลการพิจารณาต่อคณะอนุกรรมการสรรหาบริษัทจดทะเบียน เพื่อประกอบการพิจารณาสรรหาบริษัทจดทะเบียนต่อไป
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจความพึงพอใจดังกล่าว บริษัทจดทะเบียนเห็นว่าข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความเหมาะสมในระดับปานกลางถึงดี โดยมีระดับคะแนนอยู่ที่ร้อยละ 68 พร้อมทั้งได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ข้อกำหนดบางเรื่องน่าจะสามารถ ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันได้ อาทิ การเปิดเผยสารสนเทศสำคัญ เกณฑ์รายการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน นอกจากนี้ หลายบริษัทเสนอแนะว่าเกณฑ์ข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องควรสอดคล้องกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อน และเพื่อให้เกิดความชัดเจน และสามารถยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
นอกจากความพึงพอใจด้านเกณฑ์ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ยังพบว่าบริษัทจดทะเบียนพอใจการให้คำปรึกษาและการบริการในระดับดี โดยเห็นว่ามีจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้บริษัทจดทะเบียนมีความเข้าใจ และมีเครื่องมือที่ เอื้ออำนวยต่อการทำงาน อาทิ การจัดให้มีช่องทางสื่อสารที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ การจัดทำหนังสือคู่มือ และการจัดสัมมนาในหัวข้อต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยการให้คำปรึกษาของเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการชี้แจงอธิบายเกณฑ์ ข้อกำหนดดี ให้ความช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ และที่ผ่านมาบริษัทได้รับความสะดวกในการติดต่อเป็นอย่างดี โดยคะแนนในเรื่องการให้คำปรึกษาและบริการต่างๆ อยู่ในช่วงร้อยละ 77 - 80
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนางานด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทจดทะเบียน โดยมุ่งเน้นการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทและผู้ลงทุนอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงการปรับปรุงกฎเกณฑ์ข้อบังคับ การให้คำปรึกษา การเผยแพร่เอกสารคู่มือต่างๆ และการอบรมให้บริษัทจดทะเบียนในโอกาสต่าง ๆ และตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้เริ่มใช้ระบบ SCP Client PDF News ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยบริษัทจดทะเบียนในการส่งข่าวหรือข้อมูลที่ต้องการเผยแพร่ได้ในรูปแบบที่อ่านง่ายและทำให้ส่งได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
การสำรวจความพึงพอใจที่ผ่านมา มีบริษัทจดทะเบียน 167 แห่งตอบกลับมา โดยผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 46.3 เป็น เจ้าหน้าที่ของบริษัทจดทะเบียน ร้อยละ 42.5 เป็นผู้บริหาร และร้อยละ 11.2 เป็นกรรมการผู้จัดการและกรรมการของบริษัท โดยบริษัทจดทะเบียนร้อยละ 41.5 ที่ตอบแบบสอบถามมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ร้อยละ 44.5 เป็นบริษัทที่มูลค่าตลาดอยู่ระหว่าง 1,000 — 10,000 ล้านบาท และส่วนร้อยละ 14.0 เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนเดียวกันกับสัดส่วนของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ