“ดัชนีฯ เดือนกรกฎาคม 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในรอบ 5 เดือน อยู่ในระดับทรงตัวเป็นเดือนที่สาม นักลงทุนเชื่อมั่นภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่นักลงทุนเฝ้าติดตามทิศทางเงินทุนไหลเข้าออกระหว่างประเทศในระยะต่อไป”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 11, 2018 10:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--สภาธุรกิจตลาดทุนไทย นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนกรกฎาคม2561 ว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในรอบ 5 เดือน อยู่ในภาวะทรงตัว (Neutral) เป็นเดือนที่สาม โดยผลสำรวจชี้ว่านักลงทุนเชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจในประเทศเป็นตัวหนุนการลงทุน ขณะที่นักลงทุนติดตามสถานการณ์การเมืองเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นมากที่สุด ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนเฝ้าติดตามทิศทางเงินทุนไหลเข้าออกระหว่างประเทศในระยะต่อไป ภายหลังจากที่มีตัวเลขขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นในปี 2561 จากผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้า และการลงทุน ของสหรัฐกับประเทศคู่ค้าและนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ" ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนกรกฎาคม 2561 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้ - ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กันยายน 2561) เพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" (Neutral) (ช่วงค่าดัชนี 80 - 120) โดยเพิ่มขึ้น 10.55%อยู่ที่ระดับ 101.33 - ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเดือนก่อนจาก Zone ทรงตัว (Neutral) มาอยู่ที่ Zone ร้อนแรง (Bullish) - ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลต่างปรับตัวลดลง แต่ยังคงอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral) - หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร (BANK) - หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธุรกิจเหล็ก (STEEL) - ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ - ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ทางการเมือง "ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนมิถุนายน เคลื่อนไหวในทิศทางลดลงตลอดเดือน จากระดับสูงสุดในช่วงต้นเดือนที่ 1737 จุด มีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ทำให้ดัชนีฯ ลดลงมาอยู่ที่ 1595 จุดในช่วงปลายเดือน โดยมีปัจจัยจากแรงขายสุทธิต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาและความกังวลถึงผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้า และการลงทุน ที่มีแนวโน้มขยายตัวระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า ทั้งประเทศจีนและกลุ่มอียู รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐที่มีการปรับขึ้นไปแล้ว 2 ครั้ง และมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้ ผลสำรวจชี้ว่าทิศทางการลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า นักลงทุนเชื่อมั่นการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศจากตัวเลขส่งออกเดือนพ.ค.ขยายตัว 11% และกนง.ปรับคาดการณ์ GDP Growthปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 4.1% เป็น 4.4% และนักลงทุนเชื่อมั่นว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังมีอัตรากำไรในทิศทางที่ดี อย่างไรก็ตามนักลงทุนให้น้ำหนักปัจจัยสถานการณ์ทางการเมืองและกำหนดวันเลือกตั้งที่คาดว่าจะเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2562 และเงินทุนไหลออกจากการขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศ ถือเป็นปัจจัยความเสี่ยงที่นักลงทุนติดตามมากที่สุด โดยประเด็นติดตามยังคงเป็นความชัดเจนของผลกระทบของนโยบายกีดกันทางการค้า นโยบายกีดกันการลงทุนของสหรัฐและประเทศคู่ค้าหลัก และอาจขยายไปสู่ประเทศอื่นๆทั่วโลก รวมถึงผลกระทบต่อนโยบายทางการเงินของสหรัฐ สำหรับเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ นั้น ประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาคือ สถานการณ์ทางการเมืองของกลุ่มประเทศในยุโรปยังมีความไม่แน่นอน หลังจากที่เกิดความขัดแย้ง ซึ่งอาจนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ของเยอรมัน และนโยบายทางการเงินของธนาคารยุโรป และแนวโน้มความผันผวนของราคาน้ำมันจากการประกาศเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปค เพื่อรองรับชดเชยอุปทานที่ลดลงจากเวเนซูเอลาและการประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านของสหรัฐ"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ