สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 16 กรกฎาคม 2561

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 16, 2018 17:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส สภาวะตลาดวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,240.38-1,245.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,650 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,650 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ18 อยู่ที่ 19,730 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 10 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,740 บาท (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.47 น. ของวันที่16/07/61) แนวโน้มวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ได้ลดความรุนแรงลง เมื่อนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐระบุว่า สหรัฐและจีนอาจจะเปิดเจรจาทางการค้าอีกครั้งหากจีนเต็มใจสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ หลังจากสงครามการค้าส่งผลลบต่อราคาสินค้าเกษตรในสหรัฐอย่างชัดเจน โดยราคาสำหรับผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรร่วง 1.0% ในเดือนที่ผ่านมา จากการปรับลดลง 2.6% ของราคาถั่วเหลือง ราคาส่งออกข้าวโพดร่วง 3.1% และ นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัสระบุว่า ความรุนแรงขึ้นของภาษีการค้าของสหรัฐจะสร้างความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่การเจรจาการค้าเชิงบวกระหว่างจีนและสหภาพยุโรป (EU) ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญ จนราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตามราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนยังจับตาการหารือกรณี Brexit อย่างต่อเนื่องของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทั้งนี้ความพยายามต่อสู้เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของเธอ แม้ว่าจะหนุนสกุลเงินปอนด์ให้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย มาที่ 1.3246 ดอลลาร์ ขยับขึ้นจากจุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้ว ที่ 1.3101 ดอลลาร์ แต่นักลงทุนรอดูผลกระทบจากการที่สมาชิกสภานิติบัญญัติอังกฤษจะลงมติเกี่ยวกับการแก้ไขร่างกฎหมายว่าด้วยระบบศุลกากรหลัง Brexit โดยผู้ที่ไม่แน่ใจในยูโรมีแนวโน้มลงมติสนับสนุนการแก้ไขที่นางเมย์คัดค้าน และสนับสนุนข้อเสนอของพวกเขาเองในการเพิ่มความเข้มงวดต่อแผน Brexit ของเธอ นอกจากนี้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการถือครองทองคำ โดยจับตา นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงรายครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ ซึ่งก่อนการแถลงดังกล่าว เฟดได้เปิดเผยรายงานนโยบายที่แสดงถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ นักลงทุนเลือกที่จะถือเงินสดเพื่อรอดูสถานการณ์ ทำให้เชื่อได้ว่าหากไม่มีปัจจัยหนุนราคาทองคำอย่างแข็งแกร่ง การขยับขึ้นของราคาทองคำคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า ซึ่งการปรับตัวขึ้นได้มากเพียงใดหรือนานเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของเศรษฐกิจ ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี มีมุมมองว่าราคาทองคำมีลักษณะการดีดตัวของราคาทองคำในลักษณะ Technical Rebound หลังจากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลง โดยประเมินโซนแนวต้านที่ 1,252-1,261 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาอ่อนตัวลงหลุดแนวรับ 1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ น่าจะเห็นการปรับตัวลงต่อโดนประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,222 หรือ 1,213 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระยะสั้นนี้ต้องยอมรับว่าทองคำมีความผันผวนอย่างมาก และนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งหากหลุดบริเวณแนวรับดังกล่าวจำเป็นต้องตัดขาดทุน สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำในมือ แนะนำให้แบ่งทองคำออกขายทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,252 หรือ 1,261 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำแท่ง (96.50%) แนวรับ 1,237 (19,450บาท) 1,222 (19,200บาท) 1,213 (19,050บาท) แนวต้าน 1,252 (19,700บาท) 1,261 (19,850บาท) 1,272 (20,050บาท) GOLD FUTURES (GFQ18) แนวรับ 1,237 (19,630บาท) 1,222 (19,390บาท) 1,213 (19,250บาท) แนวต้าน 1,252 (19,870บาท) 1,261 (20,010บาท) 1,272 (20,190บาท) หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ