กองทรัสต์ SHREIT กู้เงินคืนหนี้สกุลดอลล่าร์สหรัฐช่วยลดต้นทุนทางเงิน รับแผนขยายทรัพย์สินกลุ่มโรงแรมในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง นอกจากนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเครดิตเรตติ้ง โดยฟิทซ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 31, 2018 10:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย 'กองทรัสต์ SHREIT' ทำสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 44,670,000 ล้านยูโร หรือเทียบเท่า 51.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมเดิมของกองทรัสต์ ระบุช่วยลดความเสี่ยงของต้นทุนทางการเงินเดิมจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และอยู่ระหว่างการจัดทำเครดิตเรทติ้งโดยฟิทซ์ เรตติ้งเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกอง SHREIT นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่บริหารโดยมืออาชีพ และในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT เปิดเผยว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ SHREIT ได้เข้าทำสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 44,670,000 ยูโร ธนาคารดอยซ์แบงก์ สาขาสิงคโปร์ เพื่อชำระหนี้กู้ยืมเดิมในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐของกองทรัสต์ สำหรับการกู้ยืมเงินในครั้งนี้ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี เพื่อชำระหนี้เงินกู้ที่มีอยู่เดิม โดยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ของอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง Euribor (ซึ่งไม่ต่ำกว่า 0) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการให้กองทรัสต์เข้าทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราสกุลเงินยูโรต่อเงินดอลล่าร์สหรัฐ (EUR/USD hedge) เพื่อบริหารจัดการด้านความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศ "เนื่องจากสัญญาเงินกู้เดิมของกองทรัสต์ มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว โดยมีอัตราอ้างอิงดอกเบี้ย LIBOR ซึ่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่วันที่กองเข้าลงทุนจนถึงปัจจุบัน จากร้อยละ 1.7 เป็น ร้อยละ 2.35 และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กองทรัสต์ SHREIT จึงดำเนินการกู้ยืมเพื่อไปชำระคืนเงินกู้เดิม (Refinance) ในจำนวน 44,670,000 ยูโร โดยมีอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง Euribor ซึ่งช่วยให้กองทรัสต์มีต้นทุนจากการกู้ยืมเงินที่ต่ำลง นอกจากแผนการเพิ่มทุนเพื่อซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติมที่คาดว่าจะลงทุนแล้วเสร็จในปีนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการจัดทำเครดิตเรทติ้งของกอง SHREIT เพื่อรองรับแผนเติบโตอย่างต่อเนื่องของกองทรัสต์ SHREIT " นายปธาน กล่าว นอกจากนี้อัตราหนี้สินสุทธิต่อมูลค่าทรัพย์สินเพื่อการลงทุน (LTV) ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าซึ่งสอดคล้องกับนโยบายทางการเงินของ SHREIT ที่ต้องการรักษาอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ร้อยละ 30-35 เช่นกัน รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ