UREKA มาเหนือ โชว์ Q2/61 พลิกโชว์กำไรพุ่ง 151% เดินหน้าประมูลงานใหม่กว่า 700 ลบ. ปรับเพิ่มเป้ารายได้เป็นโตไม่ต่ำกว่า 40%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 22, 2018 10:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ส.ค.-- "ยูเรกา ดีไซน์" โชว์ผลงานไตรมาส 2/2561 พลิกเป็นกำไร 10.9 ลบ. หรือเติบโต 151% จากช่วงปีก่อนขาดทุน 23.13 ลบ. และกวาดรายได้ 94.71 ลบ. พุ่ง 128%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 41.56 ลบ. เหตุรับงานมาร์จิ้นสูงขึ้น ด้าน "วิเชษฐ์ เมืองจันทร์" เอ็มดี เผย ปัจจุบันอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ มูลค่ารวมกว่า 700 ลบ. คาดรู้ผลในไตรมาส 3-4นี้ พร้อมเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็นโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อน จากเดิมไม่ต่ำกว่า 30% และเพิ่มเป้าอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 30-35%จากเดิมที่วางไว้ 25% นายวิเชษฐ์ เมืองจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ UREKA เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส2/2561 มีรายได้รวม อยู่ที่ 94.71 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 128% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 41.56 ล้านบาท และพลิกมีกำไรอยู่ที่ 10.9 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 151% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 23.13 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ผลประกอบการกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ มีสาเหตุหลักจากบริษัทฯ มีการขยายชนิดสินค้าและฐานลูกค้าเพิ่มต่อเนื่องมาจากปี 2017 กรรมการผู้จัดการ UREKA กล่าวอีกว่า บริษัทฯได้ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ในปีนี้เป็นเติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากเดิมที่คาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 247 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกทำได้ดี พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีงานอยู่ระหว่างยื่นประมูล มูลค่ารวมอีก 700 ล้านบาท แบ่งเป็นงานกลุ่มลูกค้า Automotive ประมาณ 150 ล้านบาท งานกลุ่มลูกค้า Non-Automotive อีกประมาณ 550 ล้านบาท และคาดว่าจะทราบผลภายในไตรมาส 3-4/2561 รวมมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือยังคาดการณ์ได้ไม่ชัดเจนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกค้าว่าจะลงทุนทันในสิ้นปีนี้หรือไม่ แต่คงจะรู้ผลในไม่เกินไตรมาส1/2562 อย่างแน่นอน ทั้งนี้ บริษัทฯได้ปรับเพิ่มเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เพิ่มขึ้นเป็น 30-35% จากเดิมที่วางไว้ 25% เนื่องจากบริษัทฯสามารถบริหารจัดการบริหารต้นทุนทางตรงได้ดีขึ้นประกอบกับมียอดที่ขายตรงให้ลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นและสามารถแข่งขันในสัดส่วนที่มีมาร์จิ้นสูงทำให้ในงวดครึ่งปีแรกบริษัทฯสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงถึง 36% "ภาพรวมอุตสาหกรรมอัตโนมัติเริ่มมองเห็นทิศทางอัตราการขยายตัวดีขึ้น หลังจากมีการประชาสัมพันธ์เรื่องนโยบาย Thailand 4.0และแนวโน้มด้านแรงงานเริ่มหายากขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มมาสนใจการปรับเปลี่ยนกระบวนการเป็นระบบอัตโนมัติเพื่อลดการพึ่งพาแรงงานนอกจากนี้ ยังมีมาตรการภาษีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของ BOI ที่ยกเว้นภาษีเงินได้ 100% ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ประกอบการหันมาลงทุนด้านระบบอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น โดยปัจจัยดังกล่าวสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทฯให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง" นายวิเชษฐ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ