ไม่ต้องรอรถขับเคลื่อนอัตโนมัติอีกต่อไป ฟอร์ดและมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์นำเสนอเทคโนโลยีที่ช่วยลดการจราจรติดขัด

ข่าวยานยนต์ Thursday September 6, 2018 11:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์ - ทวีปเอเชียเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ประสบปัญหาการจราจรคับคั่ง เมืองไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่รถติดที่สุดในโลก โดย ในปี 2017 CNN ได้จัดอันดับให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีสภาพการจราจรเลวร้ายที่สุดในโลกในชั่วโมงเร่งด่วน ฟอร์ดร่วมกับมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดการสาธิตที่ใหญ่ที่สุดโดยใช้ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติเพื่อช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดแบบ Phantom traffic jam (ปัญหาที่เกิดจากรถคันแรกๆ ชะลอความเร็ว ส่งผลให้รถคันหลังๆ ต้องชะลอตามจนเกิดภาวะลูกโซ่) - ฟอร์ดร่วมกับทีมนักวิจัยการจราจรของมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพรถฟอร์ดที่มีระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติกับรถยนต์ทั่วไปในสภาพการจราจรรูปแบบต่างๆ ผลปรากฏว่าในหลายสถานการณ์ ระบบนี้สามารถแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่าการขับขี่โดยมนุษย์ และหนึ่งในตัวอย่างนั้นก็คือ ความสามารถในการบรรเทาปัญหาจราจรแบบ Phantom traffic jam ได้สำเร็จ - ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติแบบใช้สัญญาณเรดาร์ ที่สามารถทั้งเร่งความเร็วเพื่อตามรถคันข้างหน้าและลดความเร็วแบบอัตโนมัติ ทำให้การขับขี่ไม่เป็นเรื่องเหนื่อยยากอีกต่อไป โดยระบบนี้มีในรถยนต์หลายรุ่นของฟอร์ดในทวีปเอเชียแปซิฟิก - ในปี 2018 ฟอร์ด โคไพล็อท 360 (Co-Pilot360) ได้เปิดตัวสู่สาธารณะชนเพื่อช่วยยกระดับเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ ระบบนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ทุกคนสามารถขับรถได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากในแต่ละปี ทุกคนบนโลกเสียเวลารวมกันไปประมาณ 160 ล้านชั่วโมงกับการเดินทางและการจราจรที่ติดขัด ฟอร์ดและมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ได้สาธิตให้เห็นว่าระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างที่มีในรถยนต์เกือบทุกรุ่นของฟอร์ดสามารถลดปัญหาจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีมนักวิจัยได้จัดการสาธิตที่เชื่อว่าเป็นการทดลองที่ใหญ่และเสมือนจริงที่สุดเท่าที่เคยมีการทดลองแบบนี้เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถลดปัญหาจราจรแบบ Phantom traffic jam ที่ไม่ควรเกิดขึ้นได้ ในสนามทดลองของฟอร์ดในเมืองดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้รถที่ถูกเลือกมาแบบสุ่ม 36 คนให้ทดลองขับรถยนต์ในสภาวะเดียวกับสภาพการจราจรบนไฮเวย์ปกติ โดยใช้ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติที่สามารถเบรกและเร่งความเร็วตามรถคันหน้าโดยไม่สร้างความเหนื่อยล้าให้แก่ผู้ขับขี่ ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ใช้รถดังกล่าวยังต้องลองแบบทดสอบเดียวกันแต่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องเบรกและเร่งความเร็วด้วยตัวเอง ผลปรากฏว่ารถยนต์ที่ใช้ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติช่วยให้การเบรกแบบกะทันหันนุ่มนวลกว่ารถยนต์ที่ผู้ขับขี่ต้องเป็นคนเหยียบเบรกเอง แม้ว่ารถยนต์ในการทดลองจะมีเพียง 1 ใน 3 ที่มีระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ แต่ผลที่ออกมาก็แสดงให้เห็นเหมือนกันว่าระบบนี้สามารถจัดการปัญหาจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ "แผนการท่องเที่ยวบนถนนที่น่าสนุกสนานของครอบครัวจะกลายเป็นความน่ารำคาญภายในพริบตาเมื่อคุณต้องเจอกับการจราจรที่เชื่องช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณรู้ว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เราจะต้องมาติดอยู่แบบนี้" ไมเคิล เคน ผู้ดูแลและพัฒนาเทคโนโลยี ฟอร์ด โคไพลอท 360 กล่าว "เราอยากให้ผู้ใช้รถยนต์ฟอร์ด ได้ลองใช้ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติในการท่องเที่ยวครั้งหน้า โดยเราหวังว่าเทคโนโลยีอันชาญฉลาดของเราจะช่วยให้การเดินทางของคุณง่ายขึ้น" ฟอร์ดได้ติดตั้งระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติในรถยนต์หลายรุ่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก "นักวิจัยการจราจรและวิศวกรได้พยายามคิดค้นเทคโนโลยีที่ช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดมานานกว่าหลายปี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่สามารถสื่อสารกันได้ หรือระบบที่ทำให้สามารถคาดการณ์สภาพการจราจรบนถนนข้างหน้าได้" แดเนียล เวิร์ค ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรคอมพิวเตอร์แห่งมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์กล่าว "การทดลองนี้เป็นโอกาสที่ดีในการทำความเข้าใจว่าระบบช่วยขับขี่ที่มีอยู่ในรถยนต์ในตลาดจะสามารถส่งผลดีต่อการจราจรได้อย่างไร" แดเนียลและด็อกเตอร์ราฟาเอล สเติร์น นักวิจัยในทีมได้ร่วมกันทำงานโดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ทำการทดสอบว่าเทคโนโลยีอัจฉริยะจะช่วยค้นหาหนทางใหม่ๆ ในการบรรเทาปัญหาจราจรรวมไปถึงการประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างไร โดยทั้งสองได้วางแผนที่จะตีพิมพ์ผลการทดลองของฟอร์ดในบทความวิชาการที่กำลังจะเผยแพร่ในเร็ว ๆ นี้ ปัญหาที่ไร้ต้นตอของ phantom traffic jam นอกเหนือจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า การขับรถแบบไม่มีสมาธิ พฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนการเบรกโดยไม่จำเป็น เช่น การที่รถคันแรกเบรกก็จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ทำให้รถคันหลังเบรกต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ ส่งผลให้การจราจรต้องหยุดชะงัก "ปัญหาจราจรแบบ Phantom traffic jam ต่างจากอุบัติเหตุหรือการก่อสร้าง เพราะการจราจรติดขัดแบบนี้เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีสาเหตุ" เวิร์ค อธิบาย "จากพฤติกรรมการขับขี่ของชาวเอเชียส่งผลให้การจราจรติดขัด คิดเป็นเวลาที่เพิ่มขึ้น 52 นาทีโดยเฉลี่ยในแต่ละวัน หรือคิดเป็นจำนวน 13 วันที่เพิ่มขึ้นในหนึ่งปี" ในปีนี้ฟอร์ดได้เปิดตัว ฟอร์ดโคไพลอท 360 เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ล้ำสมัยซึ่งจะเป็นมาตรฐานเพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถสามารถฟันฝ่าไปถึงจุดหมายได้ไม่ว่าสภาพการจราจรจะเป็นอย่างไร ฟอร์ด โคไพลอท 360 ประกอบด้วยระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับคนเดินเท้าและนักปั่นจักรยานได้ ระบบตรวจจับรถในจุดบอด ระบบรักษาช่องทางขับขี่ กล้องมองหลัง และระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ สำหรับประเทศไทย รถที่ติดตั้งเทคโนโลยีดังกล่าวได้แก่ ฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ฟอร์ดสาธิตระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติในการแก้ไขปัญหา Phantom traffic ในการทดลอง มีถนนสามเลนโดยในแต่ละเลนจะมีรถยนต์ 12 คัน ถนนถูกออกแบบให้เป็นการจราจรแบบปิดรูปวงรีที่จำลองมาจากไฮเวย์ รถคันแรกของแต่ละเลนจะลดความเร็วลงจาก 60 เหลือ 40 ไมล์ต่อชั่วโมง เพื่อเลียนแบบการรบกวนบนท้องถนน สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ที่ไม่ได้ใช้ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติจะทำการเบรกแรงกว่ารถคันหน้าซึ่งส่งผลให้เกิดคลื่นการเบรกต่อไปเรื่อยๆ ในเลน ในอีกนัยหนึ่งก็คือ การขับรถโดยไม่มีระบบนี้จะทำให้การเบรกมีความแรงมากขึ้นกว่าเดิม ในบางกรณีอาจทำให้การจราจรช้าลงจนกลายเป็นการขยับไปอย่างช้าๆ ได้ในที่สุด การทดลองดังกล่าวได้จัดขึ้นอีกครั้งโดยครั้งนี้รถยนต์ทุกคันใช้ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ โดยตั้งค่าไว้ที่ 62 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่ารถคันหน้าเล็กน้อยเพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์อยู่ในความเร็วกลุ่มเดียวกัน ในการทดลองนี้ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสามารถแสดงประสิทธิภาพได้เหนือกว่าการขับขี่ของมนุษย์ในแทบทุกการเบรก ในรอบหนึ่ง ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสามารถหยุดปัญหาที่เกิดจากรถคันแรกๆ ชะลอความเร็ว ส่งผลให้รถคันหลังๆ ต้องชะลอตามจนเกิดภาวะลูกโซ่ได้ โดยรถคันสุดท้ายของขบวนมีการลดความเร็วลงเพียง 5 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้นแทนที่จะหยุดนิ่ง "การที่เราได้เห็นระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัตินี้สามารถลดปัญหาการจราจรได้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก" เวิร์ค กล่าว "ถึงแม้เราจะรู้ว่าความสำเร็จนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นในทุกกรณี แต่มันก็ให้ความหวังว่าระบบนี้สามารถช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้จริงในสภาพการขับขี่ที่เกิดขึ้นในทุกวัน" ทีมวิจัยยังได้ลองลดจำนวนของพาหนะที่มีระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติลงเหลือเพียง 33 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นจุดที่นักวิจัยเชื่อว่าน้อยที่สุดที่จะสามารถลดปัญหาการจราจรแบบ Phantom traffic ได้ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คล้ายคลึงกับการทดลองที่รถยนต์ทุกคันมีระบบอัจฉริยะนี้ "ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติไม่เคยเหนื่อยหรือถูกรบกวน ระบบนี้ยังคงมองไปที่รถยนต์คันข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ" เคน กล่าว "นอกจากนั้น ระบบนี้ยังถูกโปรแกรมให้เหลือพื้นที่ระหว่างรถอย่างสม่ำเสมอเพื่อการตอบสนองต่อความเร็วและระยะห่างกับรถยนต์คันหน้าได้ดีขึ้น" ตามคำกล่าวของเวิร์ค ในขณะที่ระบบอัตโนมัติสามารถทำงานได้อย่างสม่ำเสมอ มนุษย์ก็ยังคงมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าระบบเครื่องยนต์ นั่นก็คือทัศนวิสัยที่สามารถมองเห็นรถยนต์ได้ไกลกว่านั่นเอง ซึ่งทำให้มนุษย์ยังสามารถตอบสนองต่อการเบรกหรือลดความเร็วได้แม่นยำกว่า "สิ่งหนึ่งที่เราได้จากการทดลองทั้งหมดนี้ก็คือการที่ทุกคนได้ประโยชน์จากการฝึกการขับขี่ที่ดี เว้นระยะห่างระหว่างรถคันข้างหน้าอย่างเพียงพอและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่นี้ก็ช่วยให้การจราจรราบรื่นขึ้นและช่วยให้เราทุกคนไปถึงที่หมายได้ตรงเวลา" เคน กล่าวปิดท้าย รับชมวิดีโอได้ที่นี่ https://youtu.be/VE77mrmeO4A ข้อมูลเกี่ยวกับฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจของบริษัท ได้แก่ การออกแบบ ผลิต ทำการตลาด และบริการหลังการขาย สำหรับรถยนต์ รถกระบะ รถเอสยูวี รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในแบรนด์ฟอร์ด และแบรนด์ลินคอล์น ซึ่งเป็นแบรนด์ในตลาดรถหรู รวมถึงให้บริการด้านการเงินผ่านบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต และบริษัทกำลังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และแผนการสัญจรอัจฉริยะ ฟอร์ดมีพนักงานรวมประมาณ202,000 คนทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟอร์ด ผลิตภัณฑ์ของฟอร์ด และฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ www.corporate.ford.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ