ปภ. เตือนขับรถเร็ว เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนถนนมากที่สุด

ข่าวทั่วไป Wednesday December 26, 2007 15:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ธ.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากความเร็วส่งผลต่อระยะการมองเห็น แรงปะทะ ณ จุดเกิดเหตุและระยะในการหยุดรถ ยิ่งขับรถเร็วยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น ผู้ขับขี่ควรขับรถด้วยอัตราความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด คือ ไม่เกิน 90 กม./ชม. เพราะหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน จะได้สามารถหยุดรถและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า การขับรถเร็วเป็นสาเหตุสำคัญอันดับหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยจากสถิติปี 2549 ร้อยละ 29 ของอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด เกิดจากขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และในปี 2550 ตั้งแต่เดือนมกราคม — สิงหาคม มีอุบัติเหตุทางถนนทั้งสิ้น 7,297 ครั้ง เกิดจากการขับเร็ว 4,562 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 62.5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอเตือนผู้ขับขี่ยานพาหนะให้ขับขี่รถด้วยอัตราความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้ ในตัวเมืองรถยนต์ทั่วไปประมาณ 90 กม./ชม. รถบรรทุก รถพ่วงและรถบรรทุกหนักประมาณ 60 — 80 กม./ชม. หากเป็นบนทางหลวงพิเศษ รถยนต์ทั่วไป 120 กม./ชม. รถบรรทุก รถพ่วง 80 — 100 กม./ชม. เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยสาเหตุที่การขับรถเร็วเพิ่มโอกาสและความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เนื่องจากขณะที่รถยนต์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง จะทำให้ระยะการมองเห็นของผู้ขับขี่สั้นลง อีกทั้งความรุนแรงของอุบัติเหตุและระยะทางในการหยุดรถขึ้นอยู่กับความเร็วในการขับรถ หากขับรถด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. แล้วประสบอุบัติเหตุ แรงปะทะจากการชนจะเท่ากับรถตกจากที่สูง 25 เมตรหรือตกตึก 8 ชั้น และต้องใช้ระยะทางในการเบรกที่ทำให้รถหยุดสนิท 76 เมตร แต่หากขับรถด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. แรงปะทะจากการชนจะเท่ากับรถตกจากที่สูง 56 เมตร หรือตกตึก 19 ชั้น และต้องใช้ระยะทางในการเบรกที่ทำให้รถหยุดสนิทถึง 112 เมตร นอกจากนี้ การเบรกรถอย่างมีประสิทธิภาพต้องใช้เวลาประมาณ 0.75 วินาที เรียกว่า “ระยะเวลาของปฏิกิริยาตอบสนอง” ซึ่งจะสัมพันธ์กับความเร็วรถ สภาพร่างกาย สมองที่เหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลีย และมึนเมาจากฤทธิ์ยาหรือแอลกอฮอล์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ประสิทธิภาพในการตอบสนองลดลง ดังนั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ผู้ขับขี่ควรขับรถด้วยความเร็วตามอัตราที่กฎหมายกำหนด คือ ไม่เกิน 90 กม./ชม. และตระหนักอยู่เสมอว่าไม่ว่าจะขับรถช้าหรือเร็วก็ถึงที่หมายเหมือนกัน และยังช่วยประเทศชาติประหยัดพลังงาน เพราะหากขับรถด้วยความเร็ว 90 กม./ชม.แทน 100 กม./ชม. จะช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง ร้อยละ 25 ที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนถนนที่เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ