“สตม.” เปิดช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติรองรับชาวฮ่องกง

ข่าวท่องเที่ยว Monday September 17, 2018 10:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวตตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เป็นประธานในพิธีเปิดช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า "Automatic Channel" สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางเขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ประสานความร่วมมือกับฮ่องกง ในการอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ทั้งในส่วนของชาวฮ่องกง และนักนักธุรกิจและท่องเที่ยวชาวไทย ให้สามารถใช้ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ ในลักษณะความร่วมมือทั้งสองฝ่าย (Mutual Use of Automated Immigration Clearance Service) โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วทั้งที่การท่าอากาศยานดอนเมืองและการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งสองแห่ง ทั้งนี้การให้บริการเปิดช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และนโยบายความมั่นคงของชาติของรัฐบาล ซึ่งเน้นการให้บริการด้วยความสะดวก รวดเร็ว ลดปริมาณผู้โดยสารที่เข้าตรวจกับเจ้าหน้าที่ และจะช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการตรวจหนังสือเดินทางได้รวดเร็วขึ้น โดยผู้โดยสารชาวฮ่องกง จะได้รับการตรวจด้วยเครื่อง "Automatic Channel" จะใช้เวลาในการคัดกรองผู้โดยสารเพียงรายละ 20 วินาที โดยระบบจะตรวจข้อมูลบาร์โค๊ด ในหน้าหนังสือเดินทางเก็บข้อมูลเที่ยวบินจากบัตรที่นั่งโดยสาร เก็บภาพใบหน้า พิสูจน์อัตลักษณ์ด้วยระบบลายนิ้วมือ หรือ Fingerprint ด้วยตนเอง และทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ตรวจสอบผู้โดยสารทันทีที่เช็คอินกับสายการบิน ทำให้ระบบมีความปลอดภัยสูงเชื่อถือได้ เสริมสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ ลดการใช้บุคลากรและผู้ถือหนังสือเดินทางฮ่องกงไม่ต้องเดินเข้าไปรอคิวกับผู้โดยสารสัญชาติอื่น ๆ ในคิวปกติ ซึ่งจะช่วยลดเวลาการตรวจของนักท่องเที่ยว นักลงทุนชาวฮ่องกง และยังช่วยลดปริมาณการสะสมหนาแน่นของปริมาณผู้โดยสารในช่วงเที่ยวบินหนาแน่นโดยภาพรวมให้คลี่คลายความคับคั่งได้เร็วขึ้น พล.ต.ท.สุทธิพงษ์กล่าวว่า การใช้ช่อง "Automatic Channel" ในการตรวจหนังสือเดินทาง เป็นที่นิยมและใช้งานในหลายประเทศ โดยเฉพาะสนามบินชั้นนำระดับโลก ซึ่งในอนาคตจะขยายไปสู่ด่านตม.หลักอื่น ๆ รวมถึงนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวสัญชาติอื่น ๆ ตามนโยบายของทางรัฐบาลที่เร่งพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคในอนาคตอีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ